ครม. รับรอง One Map อีก 11 จังหวัด เร่งแก้เขตที่ดินรัฐทับซ้อน-รุกป่า พร้อมออกแนวทางลดผลกระทบประชาชน ให้โอกาสพิสูจน์สิทธิที่ดินทับซ้อนกับรัฐได้
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบผลดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) และรับรองเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐ กลุ่มจังหวัดที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด นครนายก นครสวรรค์ ระยอง (ยกเว้นกรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด) ลพบุรี ศรีสะเกษ และสระบุรี (จากทั้งหมด 7 กลุ่มจังหวัด กลุ่มละ 11 จังหวัด)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช.เสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนของหน่วยงานรัฐที่ ประกอบด้วย 9 หน่วยงาน ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมพัฒนาที่ดิน กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อแก้ปัญหาที่แต่ละหน่วยงานมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับและใช้มาตราส่วนในแผนที่แนบท้ายกฎหมายแตกต่างกัน จึงเกิดพื้นที่ทับซ้อนกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ โดยกลุ่มจังหวัดที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด มีพื้นที่หลังปรับปรุงแนวเขตฯ รวม 18,954,338 ไร่
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของขนาดพื้นที่ของหน่วยงานรัฐต่างๆ มีได้หลายสาเหตุ อาทิเช่น ปรับแก้ข้อมูลพื้นที่กันออกตามกฎกระทรวงที่ให้เพิกถอนป่าออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แต่ยังปรากฏว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติในแผนที่ท้ายกฎกระทรวง
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า และเพื่อให้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐกรณีแนวเขตที่ดินของรัฐซ้อนทับกับแนวเขตที่ดินที่มีเอกสารสิทธิหรือมีการเข้าครอบครองประโยชน์อยู่ ครม. จึงมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบฯ สำหรับใช้กับทุกกลุ่มจังหวัดเพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติอย่างเดียวกัน
โดย คทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างถูกต้อง รวดเร็ว เหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย และมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยมี 10 ข้อ คือ การดำเนินโครงการปรับปรุงแผนที่ One Map ไม่ได้เป็นการยกเลิกเพิกถอนเอกสารสิทธิ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินของประชาชน, กรณีมีประชาชนได้รับผลกระทบหรือได้รับความเดือดร้อน ให้ดำเนินการตามข้อ 3-7 เพื่อแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็ว, กรณีมีที่ดินของหน่วยงานของรัฐที่จัดสรรให้กับประชาชนตามกฎหมายต่าง ๆ
นอกเขตพื้นที่ตามกฎหมาย หรือนอกเขตดำเนินการของหน่วยงานนั้น เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. นิคมสหกรณ์ นิคมสร้างตนเอง เป็นต้น แต่อยู่ในเขตที่ดินของรัฐประเภทอื่น เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน ป่าไม้ถาวร ที่ราชพัสดุ ที่สาธารณประโยชน์ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาร่วมกันเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และกรณีประชาชนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินมีข้อโต้แย้งให้พิจารณาดำเนินการพิสูจน์สิทธิตามกฎหมายหรือตามมาตรการ แนวทางที่ คทช. กำหนด
พร้อมกับหาแนวทางแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนให้เป็นไปตามกฎหมาย เหมาะสม ตามควรแก่กรณี, การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน นอกจากกรณีในข้อ สามารถใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาตามมติ ครม. วันที่ 26 พ.ย.61, การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ในเขตที่ราชพัสดุ และที่สาธารณประโยชน์ นอกจากกรณีในข้อ 3 และ 4 สามารถใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาโดยการจัดให้เช่า การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน หรือแนวทางอื่นที่เหมาะสม,
กรณีเกี่ยวกับเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน ให้กำหนดแนวทางปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมที่ดินและกรมป่าไม้ว่าด้วยการตรวจพิสูจน์เพื่อออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งเกี่ยวกับเขตป่าไม้ พ.ศ. 2534 ในการนำข้อมูลระวางแผนที่ของกรมที่ดินที่ได้มีการขีดเขตและลงชื่อรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าชายเลน ป่าไม้ถาวร มาประกอบการพิจารณา
กรณีที่มีประชาชนมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิ หรืออ้างว่ามีสิทธิในเขตที่ดินของรัฐ เพื่อความเป็นธรรม หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิในที่ดินได้, กรณีที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐ มีความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาไม่ตรงกัน และไม่สามารถหาข้อยุติได้ ให้เสนอเรื่องต่อคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. ที่เกี่ยวข้อง และเสนอ คทช. พิจารณา เพื่อกำหนดมาตรการ แนวทางการให้ช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน หรือเยียวยาอย่างเหมาะสม เป็นธรรม ตามกฎหมาย หรือมติ ครม. ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนในมิติต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย, การประชาสัมพันธ์ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้สนใจโดยทั่วไปทราบวัตถุประสงค์ของโครงการปรับปรุงแผนที่ One Map ซึ่งจะไม่กระทบต่อเอกสารสิทธิที่ประชาชน หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับโดยชอบตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากแต่จะมีผลดีในภาพรวม ทำให้ประเทศไทยมีแนวเขตที่ดินของรัฐที่ชัดเจน
ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้ง ประชาชนตรวจสอบได้สะดวก เกิดความเชื่อมั่น สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งแนวทางดังกล่าว ให้นำไปปฏิบัติกับทุกกลุ่มจังหวัด เพื่อให้เป็นไปในแนวทาง และมาตรฐานเดียวกัน โดยการแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐจะไม่ทำให้ ทางราชการเสียหายหรือเสียประโยชน์ รวมถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่ โดยให้โอกาสที่จะพิสูจน์สิทธิเป็นพื้นฐาน และจะไม่ลิดรอนสิทธิของประชาชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews