@อ่านผ่านทั้งคำตอบถึง อนาคตการเมือง ที่ยังไม่ยอมพูดชัดฟันธง และภาษากายของ “นายกฯลุงตู่”เมื่อวาน(15ธ.ค.)
ที่ออกอาการหงุดหงิด องค์ “ลุงฉุน”ลง เมื่อถูกนักข่าวกระตุกต่อมไล่บี้จี้ถาม ถึงความชัดเจนทางการเมือง จะไปเป็น“แคนดิเดตนายกฯ”ของ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ที่ “แรมโบ้อีสาน”เคยบอกเป็น “พรรคลุงตู่” ที่มีผู้คนรอคำตอบชัดๆ ทั้ง บรรดาแกนนำคนใน รทสช. ทั้งนักการเมือง ส.ส.หลายพรรค ที่เคยรับปากว่าจะตามมาร่วมพรรคและทั้ง กลุ่มการเมืองต่างๆ
ที่รอจนไม่รอ ไม่นับรวม “พี่ใหญ่ป้อม”หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ที่ “ไม่รอ” แถมย้ำหลายรอบ “ลุงตู่ไปแล้ว” และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรค พปชร. แค่ พรรคเป็นผู้เสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพราะหลายคน กลัวไม่ทันเตรียมเลือกตั้งกับการลงพื้นที่บอกกับชาวบ้าน หรือเครือข่ายหัวคะแนนในพื้นที่ ในจังหวะ “ลุงตู่”กำลังแจงเรื่องสภาล่มไม่เกี่ยวกับตัวเองที่เป็นนายกฯอยู่ฝ่ายบริหารเป็นเรื่องของนักการเมืองส.ส.ฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จะมีสำนึกในหน้าที่
@โดยหลายคนทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายเดียวกัน ตีความ อารมณ์ และคำตอบ ของ “ลุงตู่”เมื่อวาน ไปคนละทิศคนละทาง โดยเฉพาะที่ บอกว่า “เมื่อถึงเวลานั้นจะได้หรือไม่ได้ ถ้าได้ก็ดีใจ ถ้าไม่ได้ก็เสียใจ” ก่อนออกตัวว่า
“ไม่ใช่เสียใจเพราะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น อย่าถามกันบ่อยนักใครจะไปใครจะมา
ใครจะลาออก ใครจะไปอยู่พรรคไหนก็เรื่องของเขา” เมื่อนักข่าวถาม แล้วเรื่องของนายกฯว่าอย่างไร “ลุงตู่”ย้อนถามอย่างมีอารมณ์ว่า“แล้วอะไรอีกล่ะ” เมื่อถามว่า กระแสข่าวที่จะไปสังกัดพรรคใหม่ “บิ๊กตู่”ตอบเสียงดังว่า “ก็อยู่กันถึงวันนี้ยังไม่รู้เรื่องเลยหรือไง” เมื่อถามย้ำว่าอยากฟังจากปากของนายกฯเอง “ลุงตู่”บอก “ให้คิดเอาเองบ้าง ทุกทีคิดเอาเอง เขียนเอาเอง ยังคิดได้” เมื่อถามว่าเรื่องนี้สำคัญจะให้สื่อคิดเอาเองไม่ได้ “ลุงตู่”ตอบว่า “ถึงเวลาจะพูดเอง” เมื่อถามว่า แล้วเวลานั้นคือเวลาไหน “ลุงตู่”ไม่ตอบ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าเป็นไปตามที่เป็นข่าวใช่หรือไม่ “ลุงตู่”ก็ไม่ตอบก่อนจะเดินออกจากโพเดี้ยมขึ้นรถไปทันที
@เรียกว่าเป็นอีกครั้งที่เห็น “ลุงตู่”กลับมามีอารมณ์เมื่อตอบคำถามนักข่าว ในจังหวะที่ “ลุงตู่”ถูกจับตาจากทุกฝ่ายในการจะถูกถึงอนาคตการเมืองตัวเองที่ชัดเจน กับ รทสช.ที่มีความเคลื่อนไหวมากมายการเมืองในห้วงที่ “ลุงตู่”ไปเบลเยี่ยม โดยเฉพาะความเคลื่อนไหว “ตลาดนัดส.ส.”ที่คึกคักจากกระแส พลังดูดที่ปรากฏชัดเมื่อวานซืน(14ธ.ค.)กับการลาออกของส.ส.ลอตใหญ่ เพื่อไปเข้า “พรรคหนู”ภูมิใจไทยที่ก่อแรงกระเพื่อมมาก่อนหน้าทั้ง “โพลนายกฯหนู”และ “โพยหลุดรายชื่อ 37ส.ส.”ที่ถูกมองเป็นการ“ล็อคคอ”และการกดดันไปสู่การ “ยุบสภา”ที่ยังไม่นับรวมการเคลื่อนไหวก่อนหน้าของ พรรค พปชร.ตั้งแต่การนำเข้า “บิ๊กเนม”ทั้ง “ลุงมิ่ง” “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” มาจนถึง “นิพิฎฐ์”และ “อันวา สาและ”
@จนมีการเปรียบระหว่าง “พรรคพี่”และ “พรรคน้อง”ที่กลายเป็น “ข้อสรุป”ช่วงต้นสัปดาห์ ว่า สาเหตุที่“กลุ่มการเมือง พปชร.”ที่เคยมีข่าวจะตามน้องไปเปลี่ยนใจยังอยู่กับพี่ และเหตุที่นักการเมืองส.ส.หลายพรรคที่มีข่าวจะไหลเข้า รทสช.เปลี่ยนใจ ไหลไปตามแรงดูด “พรรคหนู”ที่ประกาศเป็น “พรรคใหญ่”พร้อมเป็น “นายกฯหนู”เพราะอาการยึกยักลังเลของ“ลุงตู่”ที่ดึงเช็งไม่บอกชัดถึงอนาคตการเมือง ที่จะทำให้มั่นใจกับ “พรรคน้อง”ที่เงียบกริบเพราะต้องรอ“ลุงตู่”ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสความกังวล กับการนับไปนับมา ยังสุ่มเสียงกับด่านแรกคือต้องมีส.ส.ให้ได้25คน หรือ5% เพื่อ สามารถเสนอชื่อ “แคนดิเดตนายกฯ”ได้ ไม่นับรวมทิศทางว่าแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน รวมถึง พปชร.ของ “พี่ใหญ่”ต่างมาในทิศทางเสนอแคนดิเดตนายกฯของตัวเอง
@ที่ไม่แปลกว่าในจังหวะเดียวกันเมื่อวาน(15ธ.ค.)ภายหลัง “ลุงตู่”แถลงที่ บน.6 ถัดมาจะมีข่าวปล่อยออกมากระจายไปทุกสื่อ เป็นรายงานข่าว ถึงการประชุมที่ห้องอาหารแถวซอยอารีย์ใกล้ที่ทำการพรรค รทสช. ระหว่าง 40 ส.ส. จากประชาธิปัตย์(ปชป.),พปชร.,เพื่อไทย และ ก้าวไกลที่เคยมีข่าวจะย้ายมาอยู่ รทสช.ร่วมทานข้าวกับ
“ลุงตู่”ตั้งแต่วันที่ 8ธ.ค. เพื่อยืนยันสนับสนุน “ลุงตู่”เป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้า แถมมีรายงานด้วย ว่า “นายกฯลุงตู่” เตรียมแต่งตั้ง “บิ๊กตุ๋ย” “พีระพันธุ์” เป็น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ในทางการเมืองเคยมีการเรียกฉายาตำแหน่งนี้ว่า “นายกฯน้อย”ที่ใช้ประสานงานระหว่าง “นายกฯ”กับ พรรคการเมือง แทน“ดิสทัต โหตระกิตย์” เพื่อเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้ง โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมครม.วันที่ 20 ธ.ค.
@โดยในรายงานข่าวบอกว่า “นายดิสทัต”ได้เริ่มเก็บข้าวของที่ห้องทำงานแล้ว ที่ก็บังเอิญสอดรับกับข่าววันนี้ ที่มีหนังสือลาออกจากเลขานายกฯของ “ดิสทัต”และ รวมถึง หนังสือแต่งตั้งเป็นที่ปรีกษานายกฯที่ลงนามโดย “ลุงตู่” ที่สำทับซ้ำจาก “อ.วิษณุ”ว่า การเตรียมนำชื่อ “บิ๊กตุ๋ย”เข้าครม.ตั้ง เป็น เลขาฯนายกฯทำได้ ในอดีตนายกฯหลายคน ก็ตั้งคนในพรรค มาเป็นเลขาฯนายกฯ และ รทสช. ยังไม่มี สส.สักคน จึงไม่มีปัญหา ข้อกม.-ระเบียบ ที่ความเคลื่อนไหวอันสอดคล้องจังหวะดังกล่าวถูกวิเคราะห์ว่าเป็นการเติมความมั่นใจให้ทั้ง “ลุงตู่”และผู้คนในรทสช.ในการเคลื่อนการเมืองในจังหวะที่ “คู่แข่ง”รวมถึง “พรรคพี่”แซงไปไกลแล้ว.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
