“ณัฐชา-ก้าวไกล” ตั้งกระทู้ถาม เรือหลวงสุโขทัยอับปาง
“ณัฐชา” สส.ก้าวไกล ตั้งกระทู้ถาม เรือหลวงสุโขทัยอับปาง พล.อ.ชัยชาญ แจงเสียใจอย่างสุดซึ้ง เร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณา กระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง
โดยพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม ปฎิบัติหน้าที่ ตอบกระทู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม เวลาประมาณ 18.40 น. จากนั้นศูนย์บัญชาการกองทัพเรือ ได้รับรายงานจากเรือรบหลวงสุโขทัย พร้อมรายงานไปถึงระดับบังคับบัญชาจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กองทัพเรือได้เข้าแก้ไขสถานการณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้ควบคุมเรือหลวงสุโขทัย และดูแลความปลอดภัยชีวิตของกำลังพลกองทัพเรือทุกนายที่ปฎิบัติภารกิจในเรือหลวงสุโขทัย ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่า สภาพอากาศในวันดังกล่าว มีคลื่นลมแรงมาก แต่เรือก็ได้ฝ่าคลื่นลมไป จนกระทั่งมีน้ำเข้ามาในตัวเรือเป็นบางส่วน ส่งผลให้น้ำได้เข้าไปที่เครื่องไฟฟ้าที่เป็นเครื่องจักรใหญ่ จึงทำให้เครื่องจักรเรือหยุดทำงาน และศูนย์บัญชาการกองทัพเรือได้สั่งการให้เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี และเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ เข้าไปช่วยเหลือ
เนื่องจากสภาพอากาศทำให้เรือหลวงกระบุรีเข้าไปถึงสถานการเวลาประมาณ 20.00 น. พร้อมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากเรือเอกชนท่าเรือบางสะพานอีก 2 ลำ และมีเรือน้ำมันเข้ามาช่วยเหลืออีก 2 ลำสำหรับการช่วยเหลือการปล่อยแพร 8 แพร เพื่อบรรทุกกำลังพลได้จำนวน 15 คน โดยกำลังคนทั้งหมดในเรือมีอยู่ 115 คน ซึ่งสามารถนำกำลังคนขึ้นเรือและแพรมาได้จำนวน 75 คน ขณะที่กำลังพลอีก 30 กว่าคน ได้สละเรือ ปัจจุบันค้นพบกำลังพลดังกล่าวจำนวน 7คน ซึ่งเสียชีวิตไป 6 คน และบาดเจ็บ 1 คน
ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้กองทัพเรือตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วนว่า สาเหตุเกิดจากอะไรในทุกๆ เรื่อง และให้รายงานข้อเท็จจริงว่าเหตุใดจึงปฏิบัติเช่นนั้น เพื่อชี้แจงให้กับประชาชนทุกคนได้ทราบ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการปกปิดอะไรทั้งสิ้น
สำหรับอุปกรณ์ภายในเรือมีชูชีพส่วนบุคคลและแพรชูชีพ แต่สภาพเรือในวันดังกล่าวเอียงจนไม่สามารถนำแพรออกมาใช้ได้ ทั้งนี้ ก่อนจะออกเรือได้มีการประเมินสถานการณ์ จากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า สามารถออกปฏิบัติการได้หรือไม่ ซึ่งภารกิจที่จะออกไปเป็นภารกิจบรรเทาสาธารณะให้กับประชาชน
ขณะที่การซ่อมบำรุง มีงบประมาณในการซ่อมบำรุงใหญ่ในปี 2561 และปี 2563 โดยได้ซ่อมแซมทุกระบบและตรวจรับในปี 2564 ซึ่งงบประมาณเฉลี่ยในการซ่อมบำรุงเหลือที่ได้รับปีละประมาณ1,300 ล้านบาท ยืนยันว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดหรืออัปปางต้องมีการตรวจสอบและให้ความกระจ่างต่อสังคม
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า สำหรับการปฏิรูปกองทัพ เชื่อว่า ทุกคนมีความรักในกองทัพ และประชาชนก็มีความภาคภูมิใจในกองทัพ เพราะกองทัพอยู่คู่กับประชาชน ซึ่งกองทัพระลึกตัวเองเสมอว่า จะต้องมีการปฏิรูปตนเอง เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจดูแลประชาชน และปกป้องประเทศ รักษาความมั่นคง โดยมีแผนการรูปประเทศ 5-10 ปีซึ่งกองทัพไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะทำให้ทุกกองทัพมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และที่สำคัญที่สุดเพื่อที่จะดูแลสิทธิและประชาธิปไตยของประเทศชาติไว้ให้ได้ตามภารกิจที่ได้รับมอบไว้ให้ดีที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews