Home
|
เศรษฐกิจ

กรมทางหลวง เผย เช้านี้ การจราจรคล่องตัวทุกเส้นทาง

Featured Image
กรมทางหลวง เผย เช้าวันนี้ การจราจรคล่องตัวทุกเส้นทาง ส่วนยอดรถเข้า-ออกกรุงเทพฯ เมื่อวานแตะ 985,773 คัน ขณะ สาเหตุใหญ่ของอุบัติเหตุ คือ ขับรถเร็ว

 

 

รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) แจ้งว่า เมื่อเวลา 8.00 น. วันนี้ (2 ม.ค.66) สำนักอำนวยความปลอดภัย และศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุ กรมทางหลวง (HTOC) ได้รายงานสภาพจราจรบนทางหลวงสายหลัก และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 จำนวน 12 เส้นทาง พบว่า ในภาพรวมปริมาณการจราจรคล่องตัวทุกเส้นทาง

 

สำหรับผลสรุปปริมาณจราจร ขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร บนทางสายหลวงหลักและมอเตอร์เวย์ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 66 พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 985,773 คัน แบ่งเป็น ขาออก 414,512 คัน และขาเข้า 571,261 คัน ซึ่งประชาชนบางส่วนได้เริ่มทยอยเดินทางกลับจากต่างจังหวัดแล้ว

 

ส่วนปริมาณรถที่ใช้ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วง ปากช่อง-สีคิ้ว-ขามทะเลสอ ระยะทาง 64 กม. ซึ่งเปิดให้บริการเป็นการชั่วคราว ทิศทางเดียว (วันเวย์) สำหรับรถขาออกระหว่างวันที่ 29-31 ธค. 2565 และสำหรับรถขาเข้าระหว่างวันที่ 1-4 ม.ค. 2566 นั้น พบว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 66 ซึ่งเปิดให้บริการขาเข้าเป็นวันแรก มีรถใช้บริการทั้งสิ้น 16,454 คัน โดยแบ่งเป็นรถที่ขึ้นใช้บริการจากขามทะเลสอ 4,953 คัน และขึ้นใช้บริการจากสีคิ้ว 11,501 คัน โดยช่วงปากช่อง-สีคิ้ว สามารถแบ่งเบาปริมาณจราจรขาเข้าบนทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) บริเวณ กม.75 ช่วงลำตะคอง ได้ 23 %

 

ขณะที่สถิติอุบัติเหตุบนทางหลวงแผ่นดิน เมื่อวันที่ 1 ม.ค.66 พบว่า มีการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 179 ครั้ง เสียชีวิต 28 ราย บาดเจ็บ 191 ราย เมื่อรวมสถิติอุบัติเหตุสะสม 4 วันของช่วงเทศกาลปีใหม่ (29 ธ.ค.65 – 1 ม.ค.66) พบว่ามีการเกิดอุบัติเหตุรวมทั้งสิ้น 772 ครั้ง เสียชีวิต 108 ราย บาดเจ็บ 782 ราย ลดลงจากช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 อยู่ 17%, 4% และ 25% ตามลำดับ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ยังคงมาจากขับรถเร็วถึง 472 ครั้ง ส่วนยานพาหนะที่เกิดเหตุมากที่สุดคือรถยนต์ปิ๊กอัพ 406 คัน

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube