Home
|
Video

ดีล3พรรค – ไม่รอลุง

@รีบปฏิเสธไว้ก่อนกับข่าว “บิ๊กดีลข้ามขั้ว”3พรรค “เพื่อไทย(พท.),ภูมิใจไทย(ภท.),พลังประชารัฐ(พปชร.)

 

 

ที่กัน “ลุงตู่”ออกนอก “สมการ” ในจังหวะอีกไม่กี่วัน มีคิวสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)เพื่อจะถูกเสนอชื่อเป็น“แคนดิเดตนายกฯ”แม้จะยัง ลูกผีลูกคน ลุ้นอยู่ว่า จะฝ่าด่านแรกได้ส.ส.ให้ได้ 5%หรือ 25 คน ไปได้หรือไม่ ในท่ามกลางมรสุมพลังดูดที่ยังคงพัดรุนแรง..สำหรับ “เสี่ยหนู” “อนุทิน”ผู้ถูกจับตาราศี “นายกฯส้มหล่น”

 

จับ ในฐานะหนึ่งใน “แคนดิเดตนายกฯ” เช่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม”พี่ใหญ่3ป.ที่วันนี้เปิดทำการมา “นายกฯลุงตู่”น้องเล็ก นอกจากอธิษฐาน “ขอให้บ้านเมืองสงบสุข”กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบฯ ยัง นิมนต์“สมเด็จฯธงชัย”มาทำเนียบฯที่มีการทำบุญปีใหม่ ซึ่งได้มีการทักทายให้พร ทั้ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ที่ “ลุงตู่”วันนี้ ยอมรับว่า แม้จะแยกทางกันเดินกับ“พี่ใหญ่”แต่ “ใจยังถึงใจ”แบบที่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาพยายามให้เห็นภาพ“พี่น้อง3ป.”ยังมีใจให้กัน ทั้งการมุดเข้าบ้านป่ารอยต่อของ “บิ๊กตู่”วันก่อน และวันนี้ ก็มีการปิดห้องสีเหลืองจิบกาแฟพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ของ3พี่น้อง ก่อนประชุมครม.

 

@ส่วน“เสี่ยหนู”มีการออกมาแก้ข่าว โดยตอบพลิ้วๆแบบนักการเมือง ปฏิเสธข่าวลือ พร้อมจับมือพรรคเพื่อไทย จากที่ก่อนหน้านี้“ครูใหญ่เนวิน”เพิ่งออกมาเปิดทาง “การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร”ให้ลืมอดีตขัดแย้งระหว่าง “ทักษิณ”เป็นการ พูดสร้างความปรองดอง สามัคคี ตามปกติที่ไม่มีใครมาพูด ให้เกิดความขัดแย้ง แบ่งขั้ว ขอปฏิเสธ ว่า ตนเองไม่เคยบอกว่าพร้อมร่วมกับทุกพรรคเว้นพรรคก้าวไกล โดยยังคงยืนยันใน “คำตอบเดิม”

 

ที่ให้ รอผลเลือกตั้ง และขอปฏิเสธข่าวช่วงหยุดปีใหม่ มีการไปคุยจับขั้ว พท-พปชร.-ภท.ดีล หนุน บิ๊กป้อม เป็นนายกฯ ว่า ไม่เป็นความจริงไม่มีการไปคุย ไปเช็คดูได้ว่าตนอยู่ต่างจังหวัด ไม่ไปคุยกับใคร ทำบุญอย่างเดียว แต่เมื่อถามว่าไม่ปิดประตูสำหรับทุกด้าน ทุกฝ่ายใช่หรือไม่ “เสี่ยหนู”ตอบว่า เราไม่นิยมความขัดแย้ง เราไม่ต้องการทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เราไม่ต้องการสร้างความจงเกลียดจงชังระหว่างกัน ฉะนั้นที่ดีที่สุดคือรอผลการเลือกตั้ง ตนต้องปฏิเสธข่าว 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงปีใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะไปแก้ข่าวอย่างไร

 

@เรียกว่าเป็นการออกตัวให้ไปรอหลังเลือกตั้ง เช่นเดียวกับ เพื่อไทย หรือ พปชร. ในจังหวะที่“รัฐบาลลุงตู่”เองยังมีคิวรอขึ้นเขียง “ศึกซักฟอกแบบไม่ลงมติ”ตามม.152 ที่ “ฝ่ายค้าน”ตั้งชื่อ“ยุทธการถอดหน้ากากคนดี”ในท่ามกลางข่าวปล่อย “ยุบสภา”ที่จับจากปฏิกริยาของ “กกต.”ที่ออกมาขยับเตรียม และ “รมต.แด๊ก ธนกร”ที่ออกมาพูดถึง “ไทม์มิ่งยุบสภา”ตามคำเปรยของ“ลุงตู่”วันก่อน ที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า”ศึกซักฟอก”จะเป็นเวทีที่ “พรรคฝ่ายค้าน”ใช้ในการดิสเครดิต “คู่แข่งการเมือง”พรรคฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ “ลุงตู่”ที่อยู่ในช่วง “ปั่นเรตติ้ง”จากความได้เปรียบฝ่ายค้าน ในกติกา กฎเหล็ก180วันของ กกต.ในการลงพื้นที่หาเสียง

 

@กระนั้นก็น่าสนใจ ว่าในอีกมุมของ ศึกซักฟอก“ยุทธการถอดหน้ากากคนดี” กำลังถูกจับตาพิสูจน์ทราบ พรรคฝ่ายค้าน เพื่อไทย ที่ถูกระบุว่ามีดีลข้ามขั้ว กับพรรครัฐบาล ว่า จะมีการถอดหน้ากากใครที่ถูกกันจากสมการ จะเว้นวรรคใครที่อยู่ในสมการ หรือไม่ โดยเฉพาะ
คำตอบ ของกองเชียร์พรรคฝ่ายค้าน ที่เป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย”เริ่มตั้งคำถาม แบบคาดหวังถึง “สปิริตการเมือง”ทั้งในวิดีการเมืองปกติที่ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน”ที่จับมือเปิดโปงรัฐบาลเมื่อถึงคราว เลือกตั้ง แม้ไม่มีข้อผูกมัดแต่โดยความคาดหวังว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านก่อนเว้นแต่ตกลงกันไม่ได้กับแนวคิดนโยบายที่ไม่ลงตัวจึ้งข้ามไปตั้งรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้าม เช่นเดียวกับ

 

ในวิถีการเมืองที่มีการต่อสู้ระหว่าง “การรัฐประหาร”สืบทอดอำนาจ กับ ฝ่ายประชาธิปไตย ยิ่งเป็นสถานการณ์ที่เข้มข้นเด่นชัด สะท้อนถึงจุดยืนโดยสปิริต พรรคฝ่ายประชาธิปไตย โดยความคาดหวังของมวลชน ย่อมต้องการให้พรรคฝ่ายปชต.จับมือกันตั้งรัฐบาลก่อนแถม ต้องการให้มีการให้คำมั่น ว่าจะเลือกร่วมรัฐบาลกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันก่อนถ้าตกลงกันไม่ได้ค่อยข้ามขั้ว ไม่ใช่ข้ามขั้วทันที

@เช่นเดียวกับมุมมองจาก“อภิสิทธิ์” อดีตนายกฯ ที่สัมภาษณ์กับไทยรัฐ มองว่า การเมืองติดหล่มต่อสู้ระหว่าง 2 ขั้ว ยังมองไม่ค่อยเห็นทางออก ตรงกันข้าม รธน.ที่เป็นแบบนี้ ทำให้การช่วงชิงอำนาจผ่านการเลือกตั้งกับการใช้ทุนมีจำนวนมากครั้งนี้คาดใช้เงินรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่ทางการเมืองยังพูดถึงการสลายขั้ว แต่ยังไม่ได้พูดเชิงขจัดความขัดแย้งซึ่งที่ทำเกิดขึ้นใน 2 บริบท บริบทแรก พรรคการเมืองใหม่ พยายามสร้างจุดขาย ก้าวพ้นออกจากความขัดแย้ง แต่ในทางปฏิบัติยังไม่เห็นพรรคใดประสบความสำเร็จที่หลุดพ้นจากการที่ตัวเองอาจเคยมีบทบาทในความขัดแย้งกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่ บริบท2 เกิดขึ้นกับพรรค พปชร.,พรรค ภท. ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแปรสลับขั้ว

 

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเกี่ยวกับความคิดที่แตกต่างกันระหว่าง 2 ขั้ว กรณี พปชร. คิดว่า พรรค พท. ใช้โอกาสที่ “บิ๊กตู่”ไม่อยู่ในการเชื่อมต่อเข้าไปคาดหวัง ไม่เพียงตัวเลข ส.ส.พปชร. สายสัมพันธ์ที่ดีกับ “บิ๊กป้อม”แต่คาดหวังถึงจำนวน ส.ว.ซึ่งทำให้การจัดตั้งรัฐบาล มีความเป็นไปได้มาก ทำให้เห็นความตึงเครียดระหว่างผู้สนับสนุนของ พท.กับพรรคก้าวไกลมากขึ้น

 

@ส่วนกรณี พรรค ภท.เกิดขึ้นจากที่มีแนวโน้มเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุด ทำให้เกิดคำถามว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้ว ภท.ยังมีความจำเป็นต้องสนับสนุน “บิ๊กตู่”หรือไม่ คาดหมายว่า ภท.ยังจับมือกับ พท.ได้ และมีอำนาจต่อรองมากพออยู่ในฐานะเลือกได้ว่าจะอยู่ขั้วไหนหรืออยู่ในฐานะใดซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เป็นการสลายความขัดแย้งที่เป็นพื้นฐานของการแบ่งขั้ว แต่เป็นการต่อรองอำนาจทางการเมืองมากกว่า และมันเกี่ยวกับผลประโยชน์ อาทิ ในแง่ พท.คงได้อานิสงส์จากกระแสฝ่ายที่ต้องการเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ก็ยังไม่กล้าออกมาปฏิเสธวาระที่เกี่ยวกับครอบครัวชินวัตร ที่สุ่มเสี่ยงมีกาพูดถึงการกลับประเทศ ฉะนั้น ฝ่ายการเมืองยังก้าวไม่พ้นกรอบความคิดวาระของตัวเองในการต่อสู้ระหว่างขั้ว

 

 

ใช้อำนาจต่อรองทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งน่ากังวลว่าเมื่อไหร่ถึงจะปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ที่สะท้อนให้เห็นไม่ต้องการให้คนไทยหมดหวัง แต่อย่ารอการเมืองโดยทางออก คือ ภาคประชาชน ที่มองเห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างต้องเป็นผู้นำขับเคลื่อนพยายามรวมตัวกัน เพื่อนำเสนอเป็นรูปธรรมการแกปัญหา ต่อพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้ง.

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube