สนค.เผย1ปีวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนกระทบส่งออกไทยทั้งทางตรง-อ้อม จับตาความขัดแย้งยืดเยื้อ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนและพันธมิตรชาติตะวันตก ที่ดำเนินมาเป็นเวลานานกว่า1ปี นับตั้งแต่รัสเซียเข้าไปปฏิบัติการทางทหารในยูเครนสถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของยูเครนซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบ หรือเศรษฐกิจของรัสเซียด้วยผลจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกเท่านั้น แต่ผลกระทบจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยังขยายวงกว้างส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
รวมไปถึงกระทบต่อการส่งออกของไทยในปีที่ผ่านมาด้วยตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี ท่ามกลางการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน การส่งออกของไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งผลกระทบทางตรงต่อการส่งออกของไทยที่เห็นได้ชัดเจนคือการหดตัวของการส่งออกไปยังรัสเซียและยูเครน อันเนื่องมาจากปัญหาด้านระบบขนส่งและโลจิสติกส์ และระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยการส่งออกไปยังรัสเซียปรับตัวลดลง 10 เดือนต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 65
ทำให้การส่งออกไปรัสเซียทั้งปี 2565 หดตัวจากปีก่อนถึงร้อยละ 43.3 เช่นเดียวกับการส่งออกไปยูเครนที่หดตัวรุนแรง 12 เดือนต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน ม.ค. 65 ทำให้ทั้งปี 2565 หดตัวร้อยละ 71.4 และผลกระทบทางอ้อมจากความขัดแย้งและมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียมีผลต่อการส่งออกไทยเป็นวงกว้าง ทั้งการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้า การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบและขาดแคลนวัตถุดิบ อาทิ เหล็ก แร่สำหรับผลิตเซมิคอนดักเตอร์และแบตเตอรี่ ธัญพืช (ข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน) ปุ๋ยเคมี และยิ่งไปกว่านั้น ราคาพลังงาน
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง รวมถึงการชะงักงันของห่วงโซ่การผลิตอันเนื่องมาจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนานนั้น ผลักดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นทั่วโลก นำมาซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชนและธุรกิจ และทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงตามมา ซึ่งกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยผลกระทบดังกล่าวเริ่มเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ที่การส่งออกของไทยชะลอตัวลงต่อเนื่องจนติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 20 เดือนเมื่อเดือน ต.ค. 65 ที่ร้อยละ 4.4 และหดตัวต่อเนื่องส่งผลให้ครึ่งปีหลังการส่งออกหดตัวร้อยละ 1.2 แต่ภาพรวมทั้งปี 2565 ยังขยายตัวร้อยละ 5.5
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนหลังจากนี้มองว่าการสู้รบจะยังคงมีความยืดเยื้อและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววันนี้ เนื่องจากรัสเซียประกาศว่าจะยังคงปฏิบัติการทางทหารต่อไป พร้อมทั้งส่งสัญญาณยกระดับปฏิบัติการทางทหาร และวางแผนเพิ่มกำลังพล ตลอดจนการระงับสนธิสัญญาควบคุมการใช้อาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ซึ่งกำลังสร้างความกังวลว่าอาจบานปลายกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์
ขณะที่ชาติตะวันตก หรือ NATO ก็พร้อมที่จะตอบโต้รัสเซีย ทั้งด้านการทหารด้วยการส่งอาวุธล้ำสมัยให้ยูเครนมากขึ้นควบคู่ไปกับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย และยังยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนยูเครนไปจนกว่าความขัดแย้งจะได้ข้อยุติ ด้วยปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ ผู้ประกอบการไทยควรประกันความเสี่ยง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแสวงหาการค้าใหม่ๆ ที่มีโอกาสเติบโต จึงยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews