Home
|
ข่าว

เพื่อไทย เยือน ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 อบจ.เชียงใหม่

Featured Image
เพื่อไทย เยือน ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 อบจ.เชียงใหม่ ย้ำ พ.ร.บ.อากาศสะอาด มีความจำเป็น แนะ พูดคุยประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กรอบอาเซียนเพื่อหาทางออก

 

 

พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ทีมเพื่อไทย และคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วม

 

ด้านหัวหน้าฝ่ายสถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทางศูนย์ฯได้มีการจัดประชุมทุกวันพุธ โดยร่วมกับ ปภ. อำเภอ และมีการจัดทำ แอปพลิเคชั่นแจ้งเตือนค่าฝุ่นให้กับประชาชน ในปัจจุบันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลต่อ สุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ เกิดความเสียหายหรือไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท รวมไปถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝุ่นควัน PM 2.5 คือ ควันรถถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาป่า โดยทาง อบจ.เชียงใหม่ ได้มีการใช้ single command ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นกระบวนการแก้ไขปัญหาแบบเชียงใหม่โมเดล มีการกำหนดระยะเวลาในการเผา ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และนายก อบจ. จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมลงนามอุดหนุนเงินให้จังหวัดจำนวน 13 ล้านบาท และสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ในการทำแนวกันไฟและดับไฟป่า

 

ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่า เหตุที่เกิดฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เกิดจากเรื่องของการเผาอย่างเดียว แต่ในส่วนของรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม รวมไปถึงเมื่อดูจากแผนที่แล้ว ประเทศเพื่อนบ้าน มีผลกระทบมาก

ทั้งนี้น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอขอบคุณทางศูนย์คณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ สิ่งที่ทางคณะทำงานได้เสนอขึ้นมาเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ และเป็นสิ่งที่วัดปัญหาได้อย่างดี พรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาฝุ่นและในเรื่องของ พ.ร.บ.อากาศสะอาดจะผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงหากได้เป็นรัฐบาล

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube