จากเพื่อนซี้แข้ง “ดรีมทีม” สู่ธุรกิจราชาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
วงการ ลูกหนังไทย กว่าจะรุ่งโรจน์มาถึงวันนี้ ต้องย้อนอดีตไปเมื่อ 30 ปีก่อน สมัยยุคทอง “ดรีมทีม” ที่มีคนกล้าควักเงินส่วนตัวและบ้าฟุตบอลสุดๆชื่อ “บิ๊กหอย” วนัสธนา (ธวัชชัย) สัจจกุล อดีตผจก.ทีมชาติ พร้อมด้วยทีมงานคุณภาพคือ “บิ๊กกร๊อง” วิรัช ชาญพานิช ผู้ช่วยผจก. และกุนซือโคตรฟิตอย่าง “น้าชัย” ชัยชัย พหลแพทย์ ที่ร่วมกันสร้างตำนานปลุกปั้นนักเตะโนเนมจนโด่งดังเป็นพุลแตก
ยุคนั้นตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา ฟุตบอลไทยอยู่ในช่วงขาลงห่างหายความสำเร็จเวทีนานาชาติทั้งซีเกมส์และชิงแชมป์เอเชีย กระทั่ง “บิ๊กหอย” วนัสธนา นักธุรกิจหลายพันล้านทนไม่ไหว
จึงเข้ามาสร้าง “มิติใหม่”
ด้วยการจับเอานักเตะเยาวชนอายุระหว่าง 17-19 ปี ที่มี “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, “วัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล, “โอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน, “แบน” ตะวัน ศรีปาน รวมไปถึง 3 นักเตะถิ่น “สิงห์สะพานปลา” ร.ร.วัดสุทธิวราราม คือ “เจมส์” เศกสรรค์ ปิตุรัตน์, “ใต้” นันทวัฒน์ จิตต์ตรง และ “ชัช” อนันตชัย พูลทรัพย์ (เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไปแล้ว) เข้าไปอยู่ในแคมป์นานนับปีฝึกซ้อมทุกอย่างแบบมืออาชีพ
ใครจะไปเชื่อว่า เงินเดือนนักเตะสมัยนั้นได้คนละแค่ไม่กี่พันบาท เมื่อรวมกับเบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อมแต่ละวันแค่หลักสิบมันจะไปพอยาไส้… อะไร
แต่ “บิ๊กหอย” กล้าทุ่มและกล้าจ่ายให้นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ได้รับเงินเดือนหลักหมื่น แถมยังมีเบี้ยเลี้ยงซ้อมให้อีกวันละ 300-500 บาท ขึ้นอยู่กับฝีเท้าว่าระดับไหน A, B, C จนหลายคนเริ่มตั้งตัวได้มาจากจุดนั้นมีเงินเดือน 3-4 หมื่นบาท
ผลงานประวัติศาสตร์สร้างชื่อแข้ง “ดรีมทีม” ที่คนไทยทั้งชาติจดจำ คือ การคว้าอันดับ 4 เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กทม.ปี 41 รอบ 8 ทีมสุดท้ายลูกยิงไกลปาฏิหาริย์กว่า 30 หลาในช่วงท้ายเกมของ “เจ้าวัง” ธวัชชัย เสียบเข้าสามเหลี่ยมไปอย่างสวยงาม ส่งผลให้ทีมไทยเขี่ยทีมเต็งอย่าง เกาหลีใต้ ตกรอบไปแบบเจ็บปวด
ส่งผลให้ กระแสฟีเวอร์บอลไทย เริ่มต้นตั้งแต่นั้นมาจนมาถึงลีกอาชีพจนทุกวันนี้
แน่นอนว่า นักเตะสีสลิ่ม “ชมพูขาวเขียว” ทั้ง เศกสรรค์ ปิตุรัตน์, นันทวัฒน์ จิตต์ตรง และ อนันตชัย พูลทรัพย์ ก็ได้ร่วมอยู่ในความสำเร็จยุคดังกล่าวด้วย และหนึ่งในกองเชียร์ตัวยงแถมยังเป็นเพื่อนซี้กับทั้งสามคน เนื่องจากศึกษาชั้นมัธยมปลายอยู่ด้วยกันนั่นก็คือ “เจ้าน้อย” นายประยุทธ หล่อยืนยง อดีตนักปิงปองโรงเรียนที่ยังจดจำความหลังไม่เคยลืมเลือน
“แม้ผมจะเป็นนักเทเบิ้ลเทนนิสก็ตาม แต่ผมชอบไปดูและลุ้นฟุตบอลมากกว่า เพราะมันเป็นเกมที่สนุกเร้าใจของพวกผู้ชาย ทุกครั้งทีมฟุตบอลโรงเรียนไปแข่งขันรายการสำคัญทั้ง กรมพลศึกษา, กทม. และ กองทัพอากาศ พวกเราจะยกโขยงกันไปเชียร์กันอย่างสนุกสนานเป็นร้อยคน เพราะตลอดเกมมันตื่นเต้นและดุเดือด จากเมื่อก่อนจะมีแค่วงดุริยางค์ กับ บาสเกตบอล เท่านั้น แต่พอมีทีมฟุตบอลเข้ามาทุกคนดีใจ แถมยังสร้างผลงานคว้าแชมป์ได้ด้วยทำให้ทุกคนติดตามเชียร์ แน่นอนว่า คู่แข่งสำคัญคงหนีไม่พ้น กท.คริสเตียน, อัสสัมชัญ, ปทุมคงคา, สวนกุหลาบ และ เทพศิรินทร์ ที่เล่นฟุตบอลมานานกว่า” ประยุทธ เผยความรู้สึกให้รับทราบ
ส่วนตัวมีความสนิทสนมและชื่นชมฝีเท้าของ เศกสรรค์, นันทวัฒน์ และ อนันตชัย มานานแล้ว หากมีโอกาสก็จะไปเชียร์ถึงในสนามหรือไม่ก็ชมจากการถ่ายทอดสดเพื่อให้กำลังใจ เพราะนี่คือ เพื่อนที่เรียนด้วยกันมา
นี่ยังไม่รวมถึงนักเตะฝีเท้าดีอย่าง สมรรถ อมาตยกุล, สุเทพ คล่องใจ, วิทยา วงค์เอี่ยม และ กาจบดินทร์ (ณัฐพล) เพ็งรัตน์ อีกด้วย เรียกได้ว่า ห้องที่เรียนนั้นมีแต่นักฟุตบอลเต็มไปหมดจึงเฮไหนเฮกัน แม้ว่า ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจะแยกย้ายกันไปตามทิศทางแต่ก็ยังติดต่อกันตลอด
เพราะคำว่า “เพื่อน” เมื่อคบกันแล้วมันเลิกยาก
เมื่อเห็นเพื่อนประสบความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอล คือ ติดทีมชาติ และได้เล่นระดับสโมสรอาชีพก็ดีใจด้วย เพราะทุกคนเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาแสวงหาโชคโดยมี “ลูกฟุตบอล” ใบเดียวเป็นใบนำทาง ส่วนตัวเป็นเด็กกรุงเทพก็ให้ความช่วยเหลือติดตามเชียร์และให้กำลังใจสม่ำเสมอ เวลานี้หลายคนประสบความสำเร็จในอาชีพตัวเองทำงานมั่นคงกันหมดแล้ว
ดังนั้น “ผมจึงอยากมีสถานที่สักแห่งเอาไว้พบปะและนัดเจอกับเพื่อนฝูงที่ชอบกีฬาเหมือนกัน”
ก่อนจะมาร่วมลงขันกับ “เบน” พสิฐเชษฐ์ เจริญสุขณภัทร ที่มีสไตร์ใกล้เคียงกัน แถมยังชอบกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อเหมือนกันอีก จึงมาเปิดธุรกิจร้าน “ราชาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ” (โกเบ 100 ชาม) ที่อาคารพาณิชย์สามชั้น ตั้งอยู่ระหว่างซอยเพชรเกษม 27-29 มาได้เกือบ 1 ปีแล้ว
สำหรับวัตถุดิบโดยเฉพาะเนื้อวัวนั้นเราสั่งตรงมาจาก จ.สกลนคร เลยทีเดียว ซึ่งมีฟาร์มเนื้อวัวดีมีคุณภาพคัดเอาเฉพาะเนื้อเกรดเอมาจำหน่ายให้ทุกคนได้ลิ้มลอง ที่สำคัญเรายังมีหม้อต้มไฟฟ้าเหมือนกินชาบูให้กับบางคนที่มากันเป็นครอบครัว พร้อมด้วยผักหลากหลายชนิดและน้ำจิ้มรสเด็ดให้ด้วย
นอกจากนี้เรายังมีน้ำซุปเข้มข้น (เติมได้ตลอดเวลา) ที่บอกได้เลยว่า กว่าตัวเองจะได้สูตรนี้มานั้นต้องเสียเงินค่าวิชาความรู้ไปถึง 1 แสนบาท ดังนั้นไม่ยอมให้เสียชื่ออย่างแน่นอน
สำหรับเมนูหลักขึ้นชื่อที่ใครๆมาแล้วต้องสั่งคือ เนื้อโกเบ, เนื้อเปื่อยสามชั้น และ เนื้อเปื่อยน่องลาย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 45-80 บาท มีทั้งเส้นเล็ก-ใหญ่ และบะหมี่ ภายในร้านสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 40-50 คน แถมมีจุดคัดกรองให้ทุกคนปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มามีทุกระดับทั้งคนทำงานและนักศึกษา เพราะเราอยู่ใกล้กับ ม.สยาม แถมราคาไม่แพงในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. หยุดเฉพาะวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
นอกจากนี้ยังมีจอทีวีขนาดใหญ่เพื่อเอาใจคอบอลทั้งหลาย ที่ผ่านมาก็มีเพื่อนๆอดีตนักเตะทีมชาติมาอุดหนุนพอสมควร และอยากให้ร้านนี้เป็นศูนย์รวมของบรรดาคนชอบกินเนื้อและเพื่อนๆตลอดจนศิษย์เก่าและปัจจุบันจากวัดสุทธิฯสาเหตุที่ตั้งชื่อ “ราชาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ” นั้น เนื่องจาก
ธุรกิจที่บ้านของตัวเองทำเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์อยู่แล้วมานานกว่า 40 ปีก็คือ “ราชาการพิมพ์” จึงอยากต่อยอดแตกไลน์ออกมาทำธุรกิจเป็นของตัวเองบ้าง และด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบทานเนื้อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
มองว่า ปัจจัยสี่ของมนุษย์คือ อาหารการกินยังงัยมันก็ไปได้จึงทุ่มเทเต็มที่ และก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีลูกค้าแน่นตลอด ยิ่งวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ลูกค้าต้องรอคิวกันยาวสักหน่อย แต่ขอย้ำว่า คุณภาพและปริมาณไม่เคยลดน้อยลงไปเลย มีแต่จะรักษาให้ทุกอย่างดีเยี่ยม
สำหรับลูกค้าท่านใดผ่านมาแถวถนนเพชรเกษมอย่าลืมแวะเข้ามารับประทาน “ราชาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ” กันได้เลยน่ะครับ หรือถ้าไม่สะดวกจะสั่งทางแก๊ปทั้ง ฟู๊ดแพนด้า, ลาล่ามูฟ ฯลฯ ก็พร้อมและยินดีบริการ สนใจสามารถสำรองโต๊ะที่นั่งกันได้ที่เบอร์โทร 064-954-1990 หรือ เพจเฟสบุ๊ค ราชาก๋วยเตี๋ยวเนื้อโกเบ100ชาม รับรอง ไม่มีผิดหวังแน่นอน!!!
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆของคนที่ชอบและเชียร์กีฬามาตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเฉพาะนักเตะยุค “ดรีมทีม” ที่มีเพื่อนซี้ของตัวเองรวมอยู่ด้วย ก่อนจะเดินทางตามความฝันมาสู่พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวอันลือลั่น ณ ปัจจุบันนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news