“อนุทิน”แจงร่วมวงมื้อเที่ยง “บิ๊กป้อม” คุยการเมือง มั่นใจภูมิใจไทยไม่ต่ำ 70 เสียง ปัดปล่อยภาพขู่คู่แข่ง พร้อมรับนัดทุกพรรค เงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลครั้งหน้า กม.กัญชาต้องผ่าน เมิน “ชูวิทย์” ยื่น กกต.ยุบพรรค
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงกรณีปรากฏภาพแกนนำพรรคภูมิใจไทย ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างชื่นมื่นว่า ไม่ได้มีนัยทางการเมือง เป็นการนัดกันล่วงหน้านานแล้ว ตั้งแต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค เดินทางไปพบกับ พล.อ.ประวิตร ในช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.นครสวรรค์ และเห็นว่าไม่ได้รับประทานอาหารกับ พล.อ.ประวิตร นานแล้ว
จึงได้โทรศัพท์ไปย้ำนัดกันอีกครั้ง ก่อนพบว่ามีเวลาตรงกันจึงได้เข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร และร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง แลกเปลี่ยนความพร้อมของทั้งสองพรรคในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็สอบถามถึงการประเมินตัวเลข ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ก็แจ้งว่าน่าจะได้ประมาณ 70 คน ซึ่งพล.อ.ประวิตร ก็เห็นว่า ตรงกับผลโพลที่ออกมา พร้อมปฏิเสธพูดคุยถึงการจับขั้วการเมืองใหม่ เพราะปัจจุบันทั้งพรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐเป็นขั้วเดียวกัน คือ ขั้วรัฐบาลอยู่แล้ว
“ผมไปกินข้าวกับผู้จัดการรัฐบาลมันมหัศจรรย์ตรงไหนหรอ ถ้าไปกินข้าวกับพรรคเพื่อไทย ค่อยตื่นเต้นกันหน่อย การนัดกินข้าวร่วมกันของนักการเมืองในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการนำภาพที่ผมไปกินข้าวเที่ยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ถูกเว้นวรรคปฏิบัติหน้าที่ ไปวิพากษ์วิจารณ์ แต่ผมเห็นว่าทางการเมืองเราสามารถพบปะพูดคุยกันได้ วันนี้ผมโทรไปนัดใคร หรือใครโทรมานัดผมกินข้าว ผมไปหมด” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนเหตุใดจึงต้องนัดกินข้าวกันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 วัน วาระของรัฐบาลชุดนี้ก็จะหมดลงในวันที่ 23 มีนาคมนี้ ซึ่งวันนั้นทุกพรรคเท่ากัน ไม่มีฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านแล้ว เพียงแต่คณะรัฐมนตรียังคงต้องรักษาการไปจนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ขณะเดียวกัน มีการตีความว่าทั้งสองพรรคปล่อยภาพออกมาเพื่อหวังข่มขู่พรรคการเมืองคู่แข่ง
ซึ่งนายอนุทิน กล่าวว่า อย่ามองโลกในแง่ร้าย ไม่ขู่หรือระแวงกัน เพราะระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา หากมีการข่มขู่กัน คงอยู่ร่วมกันไม่ได้ พร้อมยอมรับว่า อาจจะมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่ก็ยอมรับในกติกา ไม่ได้มีความตึงเครียดเหมือนที่สื่อประเมินกันไว้ พร้อมระบุว่า หากครั้งหน้าพรรคภูมิใจไทยได้มีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาล เงื่อนไขแรกคือ การบอกพรรคร่วมรัฐบาลว่าร่างกฎหมายกัญชาต้องผ่าน เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน เรามีช่องทางที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
สำหรับกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตรียมยื่น กกต.ให้ยุบพรรคภูมิใจไทย กรณีการใช้นอมินีในการเข้ามารับงานประมูลในกระทรวงที่ตนเองกำกับดูแล และขอให้มีการยุบพรรคก่อนเลือกตั้งนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนในฐานะประชาชนมีสิทธิ์ที่ทำได้ ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง และหากชี้แจงไม่ได้หรือทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับชะตากรรมไป ตรงกันข้ามผู้ที่กล่าวหา หากมีเจตนามุ่งทำลาย และไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหา ก็เสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี ซึ่งส่วนตัวยังมั่นใจบนพื้นฐานว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่เคยคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ เพราะพรรคภูมิใจไทยมีจุดหมายที่ใหญ่กว่าจะต้องทำ คือ การหาเสียงเลือกตั้งให้ดีที่สุด หากมั่วไปตอบโต้ก็มีแต่จะเสียงคะแนนลงไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews