Home
|
ทั่วไป

‘ปธ.ยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ไทยศรีวิไลย์’ ประกาศแก้ไขปัญหาพลังงาน 2 มิติ

Featured Image
‘ปธ.ยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ไทยศรีวิไลย์’ ประกาศพร้อมแก้ไขปัญหาพลังงาน 2 มิติ ทั้งการขาดแคลนและราคาพลังงานที่สูงเกินจริง – ชูนโยบายเร่งศึกษาและนำพลังงานทดแทนมาใช้ พร้อมผุดไอเดีย ‘รถเก่า 15 ปีขึ้นไปมาแลกเป็นส่วนลดในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า’ – ย้ำแทรกแซงราคาพลังงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงนโยบายของพรรคไทยศรีวิไลย์ ในการแก้ไขปัญหาพลังงานว่า ปัญหาพลังงานที่ประเทศไทยเผชิญอยู่นั้น มี 2 ส่วนหลักๆ ก็คือ การขาดแคลนพลังงานเพื่อมาใช้ในชีวิตประจำวัน การคมนาคม และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และการที่ราคาพลังงานที่สูงกว่าความเป็นจริง เพราะต้องบวกค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าภาษีแต่ประเภท รวมทั้ง ยังมีคนที่ยังทำนาบนหลังคนไทย 66 ล้านคน ที่ยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันในปัจจุบัน

 

 

ซึ่งในปัญหาส่วนแรกนั้น ตนจะใช้ประสบการณ์ที่ทำงานด้านพลังงานมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะเรื่องพลังงานทดแทน จะนำมาเป็นนโยบายที่จะใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ของพรรคฯ เช่น การเร่งศึกษาและผลักดันให้พลังงานทางเลือก มาเป็นพลังงานหลักหรือช่วยบรรเทาภาระจากพลังงานที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน ได้แก่ พลังงานเซลล์แสงอาทิตย์จากห้วงอวกาศ (Space-Based Solar Power) พลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Power) พลังงานคลื่น (Wave Power) เป็นต้น เพราะปัจจุบัน มีการคาดการณ์ว่า พลังงานทดแทนเหล่านี้ จะมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ในอีกไม่เกิน 20 – 30 ปี ประเทศไทยจึงต้องรีบดำเนินการเตรียมความพร้อมและส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

 

ผลิตคิดค้นวิธีการที่จะนำพลังงานทดแทนมาใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชน ก่อนที่จะขยายไปยังภาคอุตสาหกรรมต่อไป สำหรับการส่งเสริมเรื่องยานยนต์ไฟฟ้านั้น ตนมีแนวคิดที่จะมีการดำเนินโครงการ ‘เอารถเก่า 15 ปีขึ้นไปมาเป็นส่วนลดในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า’ เพราะตนเชื่อว่า ประชาชนมีความสนใจที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่เกรงว่า จะมีราคาที่สูงเกินไป ดังนั้น แนวคิดของตนเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนและส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ มีหลายสถานีบริการน้ำมัน ที่ติดตั้งที่ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเป็นการรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่นับวันจะมีคนใช้มากขึ้น

 

 

พลโท ดร.กฤตภาส กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ปัญหาราคาพลังงานที่สูงเกินความเป็นจริง จนประชาชนได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้านั้น ทางพรรคไทยศรีวิไลย์ก็พร้อมชนกับคนที่ทำนาบนหลังคน เพราะคนเหล่านี้มีความสุขกับการเบียดเบียนคนอื่น โดยที่ประชาชนยังเดือดร้อนกับราคาสินค้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพรรคไทยศรีวิไลย์จะเข้ามาแก้ไขทันที โดยจะมีการงดเก็บภาษีค่าน้ำมันเบนซีน-ดีเซล ทำให้ราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิดไม่เกิน 25 บาท/ลิตร ก๊าซหุงต้ม 15 กก. ไม่เกิน 350 บาท และพร้อมที่จะ แทรกแซงราคาไฟฟ้า

 

 

ให้เก็บไม่เกินหน่วยละ 4 บาท ซึ่งเชื่อว่า จะทำให้ค่าครองชีพลดลง ซึ่งจะได้เห็น ราคาข้าวราดแกง 2 อย่าง 30 บาท บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 5 บาท ค่าโดยสารรถเมล์ร้อน 5 บาท รถเมล์ปรับอากาศเริ่มต้น 10 บาท และราคาสินค้าที่มีความจำเป็นต่อประชาชนก็จะมีราคากลับไปเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมาด้วย

 

 

“ผมทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงานมาตลอดชีวิต ตั้งแต่ผมรับราชการเป็นนายร้อยจนได้ยศสูงสุดเป็นพลโท ซึ่งถ้านับประสบการณ์และความรู้ด้านนี้แล้ว ผมก็ไม่แพ้นักธุรกิจทางด้านนี้เหมือนกัน ซึ่งประสบการณ์ที่ผ่านมา เช่น ผู้อำนวยการกองพลังงานทดแทน กรมการพลังงานทหาร รองเจ้ากรม กรมการพลังงานทหาร หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านงานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกรมการพลังงานทหารในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการปิโตรเลียม กระทรวงพลังงาน ได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษให้บรรยายในหลายสถาบัน รวมทั้ง ผมเคยทำงานในรัฐสภาอันทรงเกียรติ คือ เป็นอนุกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา

 

 

ซึ่งผมก็ได้เจอบรรดา ส.ว. มากมายหลายคน แต่ผมคิดว่า การที่ทำงานในสภาที่ถือว่ามีเกียรติมีศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง คือ การที่ได้รับเลือกจากประชาชน ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจร่วมงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ เพราะนอกจาก ทางพรรคฯ จะให้โอกาสผมในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานตามที่ผมอยากจะทำแล้ว อีกหนึ่งนโยบายที่ผมชื่นชอบและผมอยากจะผลักดันให้เป็นจริง คือ เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก เดือนละ 3,000 บาท เพราะผมเห็นว่า ยศและเครื่องหมายต่างๆ เป็นสิ่งที่บ่งบอกตำแหน่งหน้าที่และการบังคับบัญชาเท่านั้น

 

แต่หัวใจของผมก็คือนักรบเหมือนกับบรรดาทหารผ่านศึก ซึ่งผมก็จะเป็นนายทหารอีกคนหนึ่ง ที่จะสนับสนุนให้บรรดาทหารผ่านศึก ได้รับเงินเพื่อเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจ และสร้างคุณค่าให้ชีวิตของทหารผ่านศึกที่ได้เสียสละเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้ลูกหลานในอนาคต” พลโท ดร.กฤตภาส กล่าว

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับของ พลโท ดร.กฤตภาส นั้น เกิดเมื่อปี 2505 ปัจจุบันอายุ 61 ปี สำหรับการศึกษา ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) สาขาวิศวกรรมโยธา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) สาขาพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาเอก วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต (วศ.ด.) วิศวกรรมพลังงานและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้รับการฝึกอบรมที่สำคัญๆ ได้แก่ หลักสูตรการจัดการการพัฒนาบุคลากรด้านปิโตรเลียม ณ ศูนย์ความร่วมมือด้านปิโตรเลียม ประเทศญี่ปุ่น หลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง

 

 

ด้านวิทยาการพลังงาน รุ่นที่ 10 (วพน.10) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นต้น สำหรับประสบการณ์ทำงานที่สำคัญๆ ของ พลโท ดร.กฤตภาส นั้น เติบโตภายใน กรมการพลังงานทหาร ตั้งแต่ ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน ผู้อำนวยการกองพลังงานทดแทน เสนาธิการกรมการพลังงานทหาร และได้ตำแหน่งสูงสุดเป็นรองเจ้ากรมฯ รวมทั้งได้เป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านงานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในส่วนของการทำงานทางการเมืองนั้น ได้เป็นอนุกรรมาธิการ

 

ในคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ อนุกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ก่อนที่จะมาร่วมเป็นประธานยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน พรรคไทยศรีวิไลย์ ในการสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube