หลายฝ่ายประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะมีหลายปัจจัยรุมเร้า แต่ใครจะคิดว่าสหรัฐฯพี่ใหญ่ของเศรษฐกิจโลกจะเจอปัญหาแบบไม่ทันตั้งตัว เศรษฐกิจที่ว่าแย่อยู่แล้วโดนซ้ำหนักกว่าเดิม สร้างแรงกระเพื่อมไปได้ทั่วโลก
ล่าสุด สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. มีคิวเข้าพบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะระหว่างกัน โดยนางสาวกัณญภัคร ตันติพิพัฒน์พงศ์ ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า วิกฤตการเงินล่าสุดของสหรัฐฯ ได้รับคำยืนยันจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า จะไม่หนักหน่วงเหมือนช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ที่เกิดขึ้นในปี 2550 แน่ ซึ่งในเวลานั้น
ดัชนีราคาหุ้น และตลาดหุ้นทั่วโลกตกต่ำลงอย่างมาก ทำให้การลงทุนของสหรัฐฯในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิกฤตดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของไทยชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกของไทยชะลอตัวลงตามไปด้วย แต่สำหรับวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีการจับตาสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือได้ทันทีหากเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยยะสำคัญ
โดยเวลานี้ผู้ส่งออก ได้เรียกร้องไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวผันผวน รวดเร็วเกินไป จากปัจจัยภายนอกที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น การดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ สถานการณ์ตลาดการเงินโลก
โดยการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบให้กับผู้ประกอบการได้ ซึ่งแนวทางการลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท ลดปัญหาและข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคของผู้ส่งออก รวมทั้งเพิ่มทางเลือกในการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันนั้น ผู้ส่งออกโดยเฉพาะ SMEs ต้องการเข้าถึงเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น
โดยขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย สนับสนุนให้ผู้ประกอบการหันมาใช้เงินสกุลท้องถิ่นมากขึ้น ในการทำการค้า นอกเหนือจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นทางเลือกในการชำระค่าสินค้าระหว่างประเทศ พยุงการส่งออกผลักดันเศรษฐกิจ
และหลังจากได้มีการประกาศยุบสภาพร้อมจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วันแล้ว นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หอการค้าไทย รวมถึงคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ยังคงยืนยันตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.0-3.5
แม้จะมีความชัดเจนการเลือกตั้งมากขึ้น แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ต่างจากที่คาดการณ์ไว้เดิม โดยยังต้องจับตาส่งออกเพราะมีปัจจัยเศรษฐกิจของสหรัฐฯเข้ามากดดัน ทำให้การส่งออกอาจติดลบร้อยละ 1 ถึงขยายตัวเป็น 0 โอกาสของเศรษฐกิจไทยคือการเร่งลงทุนของภาครัฐและการค้าภายในภูมิภาคที่จะเป็นตัวเสริมจากการท่องเที่ยวได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews