รัฐบาล โดยกองทุนผู้สูงอายุ พม. เดินหน้าช่วยเหลือผู้สูงอายุประกอบอาชีพ เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกู้ยืมเงินทุนรายบุคคล-รายกลุ่ม ปลอดดอกเบี้ย ย้ำความมุ่งมั่นการดำเนินนโยบายด้านสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาล
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกองทุนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ รายบุคคลวงเงินไม่เกินคนละ 30,000 บาท รายกลุ่ม 5 คนขึ้นไปวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุผ่านกองทุนผู้สูงอายุ เป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายด้านสวัสดิการผู้สูงอายุที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้นำเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยดังกล่าว มาเป็นเงินทุนหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมถึงเป็นการหมุนเวียนสภาพคล่องทางการใช้จ่ายให้กับผู้สูงอายุ ทดแทนการเป็นหนี้นอกระบบ
นายอนุชากล่าวว่า กองทุนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ พม. ได้เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ รายบุคคล วงเงินไม่เกินคนละ 30,000 บาท รายกลุ่ม วงเงินไม่เกิน 100,000 บาท ผู้ร่วมกู้จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน จะต้องมีผู้ค้ำประกัน การกู้ยืมทุกประเภทต้องชำระคืนเป็นรายงวด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย สำหรับคุณสมบัติของผู้กู้มีดังนี้ มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีความจำเป็นขอรับการสนับสนุนเงินกู้ยืมประกอบอาชีพ มีความสามารถในการประกอบอาชีพ มีสภาพร่างกายแข็งแรงประกอบอาชีพได้ มีปัจจัยในการสนับสนุนการประกอบอาชีพ มีสถานที่ประกอบอาชีพอยู่จังหวัดเดียวกันกับที่ยื่นขอกู้ยืม และไม่เป็นผู้ค้างชำระเงินกองทุนผู้สูงอายุ
ส่วนคุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน คือ มีอายุไม่เกิน 59 ปีบริบูรณ์ เป็นผู้มีรายได้หรือเงินเดือนประจำ มีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร์อยู่จังหวัดเดียวกันกับผู้กู้ยืม ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้กู้ยืม ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้ค้ำประกันให้กับบุคคลอื่นที่ขอกู้ยืม เอกสารประกอบการยื่นคำร้อง ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ) ทะเบียนบ้าน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ) หนังสือรับรองเงินเดือนผู้ค้ำประกัน ใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่า (ถ้ามี) ใบมรณะบัตรกรณีคู่สมรสเสียชีวิต (ถ้ามี) ใบเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี) กรณีผู้ยื่นคำร้องมีอายุ 80 ปีขึ้นไป ควรมีใบรับรองแพทย์ และรูปถ่ายเต็มตัวขณะประกอบอาชีพ สามารถกู้ยืมเงินผ่านช่องทางออนไลน์เว็บไซต์กองทุนผู้สูงอายุผู้สูงอายุ olderfund.dop.go.th ผู้สูงอายุที่สนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2354 6100 กองทุนผู้สูงอายุ (กรมกิจการผู้สูงอายุ) กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัด ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทุกจังหวัด
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 มีผู้กู้ยืมเงินประกอบอาชีพที่ผ่านการอนุมัติ จำนวน 579 ราย และมีโครงการที่ขอรับการสนับสนุนผ่านการอนุมัติ จำนวน 8 โครงการ โดยกองทุนผู้สูงอายุจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีศักยภาพ ความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม วางแนวทางการทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 สั่งการให้เตรียมความพร้อมจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองสงกรานต์แบบยิ่งใหญ่ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะเติบโตมาก วางแผนวิจิตรสงกรานต์ 5 ภาค พร้อมประชาสัมพันธ์โครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากการคาดการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ททท. คาดว่าจะคึกคักมากกว่า ปี 2562 ช่วงสงกรานต์ก่อนสถานการณ์โควิด -19 เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดการณ์ว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์จะสนับสนุนให้เกิดการเดินทางในประเทศทั้งเดือนเมษายน ปี 2566 อยู่ที่ 17 – 20 ล้านคน/ครั้ง ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนที่ในเดือนดังกล่าวมีโครงการจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 การจัดงานเฉลิมฉลองสงกรานต์แบบยิ่งใหญ่ วิจิตรสงกรานต์ 5 ภาค และโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน”ภายใต้แนวคิด “เที่ยวได้ทุกวันมหัศจรรย์ทั้งปี” ระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือน มกราคม – กันยายน 2566 ซึ่งประกอบด้วยแคมเปญ ดังต่อไปนี้
– แคมเปญ “Wonder Deal” สิ้นเดือน เหมือนการเริ่มต้นใหม่ คือ เปลี่ยนวันสิ้นเดือนให้เป็นการเริ่มต้นวางแผนออกเดินทางครั้งใหม่ในเดือนถัดไป เริ่มกิจกรรมเดือน มีนาคม – สิงหาคม 2566
– แคมเปญ “CODE ลับ 365 พาเพื่อนเที่ยว” สนับสนุนการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม รวมตัวเพื่อน 3 คน จองท่องเที่ยวใน 5 จังหวัด ภายใน 6 สัปดาห์ พร้อมสร้างสรรค์ผลงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ “ฉบับของชาวแก๊ง” ส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวในมุมมองต่าง ๆ ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็น ขวัญใจมหาชน จะได้รับเงินรางวัล 365,365 บาท เริ่มกิจกรรมตั้งแต่เดือน มีนาคม – มิถุนายน 2566 ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thai.tourismthailand.org/home
“นายกรัฐมนตรีวางแนวทางการทำงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่ามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลจะกระตุ้นให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยเติบโต โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่ประเทศได้อย่างมาก ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมจัดกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของนักท่องเที่ยว และสอดคล้องกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย” นายอนุชาฯ กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews