“สกลธี” ไม่เชื่อ ประวิตร ไม่ติดโพลใน กทม. ยัน โพล กทม. พปชร. แตกต่างโดยสิ้นเชิง บอกไม่มีปัญหา-ไม่มีผลต่อกำลังใจของคนในพรรค ชี้โค้งสุดท้ายจุดสำคัญ เป้ายังคงเป็น 12 ที่นั่ง
นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการจัดเวทีปราศรัยในกรุงเทพฯ ว่า จะมีการปราศรัยทุกสัปดาห์ จะแบ่งตามโซน สัปดาห์ที่แล้วเป็นกรุงเทพฯเหนือ สัปดาห์นี้จะจัดโซนกรุงธนเหนือ คือใต้สะพานพระราม 8 ส่วนการลงพื้นที่ก็จะจัดกรรมการบริหารพรรคไปช่วยลงพื้นที่กับผู้สมัครในเขตต่างๆ นอกจากนี้จะมีการปราศรัยใหญ่อีกครั้งที่กรุงเทพฯก่อนการเลือกตั้ง และคิดว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็จะขึ้นเวทีปิดที่กรุงเทพฯแน่นอน
สำหรับผลสำรวจ (โพล) ในกรุงเทพฯ ที่ชื่อพล.อ.ประวิตร ไม่ติด 1 ใน 10 นั้น นายสกลธี ระบุว่า ส่วนตัวไม่เป็นกังวล การทำโพลในช่วงนี้ต้องดูให้ดีว่าใช้ตัวอย่างเท่าไหร่ วัดที่ไหนอย่างไร เพราะตนคิดว่าเป็นการหยั่งกระแสของบางพื้นที่เท่านั้น คงวัดกระแสโดยรวมไม่ได้ และส่วนของพรรคพลังประชารัฐเองก็มีการทำโพลอยู่แล้ว เมื่อมาเทียบกันก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ซึ่งมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทางพล.อ.ประวิตรจะไม่ติด 1 ใน 10 เลย จึงขอตั้งข้อสังเกตไว้ และโพลก็เป็นเพียงกระแสช่วงนั้นและไม่ทั่วถึง ดังนั้นเรื่องของกำลังใจแต่ละพื้นที่ไม่มีปัญหา เพราะชนะในหน้ากระดาษโพลแต่ความเป็นจริงอาจะไม่สอดคล้องกันก็ได้
สำหรับผลสำรวจของพรรคพลังประชารัฐ จะมีของแต่ละภาค โดยในกรุงเทพก็มีทั้งโพลออนไลน์ และโพลคนเดินมาประกอบกัน ซึ่งช่วง 40-50 วันจะเลือกตั้งก็จะแบ่งเป็นช่วงๆ และแบ่งกลุ่มเป้าหมายที่จะทำโพล เพื่อใช้ประเมินในการปรับเกณฑ์และแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งจากโพลของพรรคหัวหน้าพรรคก็ติดในโพลทุกอัน แต่ทั้งนี้โพลก็มีผลต่อการชี้นำ จึงต้องดูความน่าเชื่อถือของโพลด้วย โพลที่ออกมาอาจจะดูขัดหรือค้าน ที่พลเอกประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคแต่ไม่ติดอยู่ 1 ใน 10 ของโพลเลยคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นจึงวัดอะไรตอนนี้ไม่ได้
ทั้งนี้ช่วงโค้งสุดท้ายจะมีเวทีเเบตของแต่ละสื่อก็จะมีผู้ใหญ่ของพรรค แต่ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะก็เจาะจง จะส่งคนที่ถนัดไป ทั้งนี้ในกรุงเทพฯตนมองว่ากระแสเป็นเรื่องสำคัญ บุคคลก็ส่วนหนึ่ง ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายโค้งสุดท้ายสำคัญที่สุด ที่จะวัดว่าจะเป็นไปในทิศทางใด และจากการหารือกับหัวหน้ายังอยากได้จำนวนส.ส.เท่าเดิม คือ 12 ที่นั่งหรือบวกลบ
ส่วนจุดขายของพรรคพลังประชารัฐที่เกี่ยวกับคนกรุงเทพฯจะเป็นในเรื่องภาพรวม เพราะกรรมการบริหารแต่ละคนที่มาดูแลกรุงเทพฯล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ เพราะฉะนั้นเรื่องปัญหาและทางแก้เรามีอยู่แล้ว และการเสนอนโยบายไม่ใช่เรื่องเล็กๆเจาะจงเป็นบางอย่าง
แต่เราเสนอในแนวภาพรวมที่จะพัฒนากรุงเทพฯ เพราะรู้ว่าปัญหาของกทม.ไม่ได้มีเจ้าภาพที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นจึงเสนอกองทุนประชารัฐพัฒนาขึ้นมา ซึ่งจะเอาตัวนี้มาช่วยแก้ปัญหาให้กับกรุงเทพฯ อีกทางพล.อ.ประวิตรก็บอกแล้วว่าเราสามารถทำงานได้กับทุกคน เพราะฉะนั้นถ้าพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล คงเห็นรัฐบาลพลังประชารัฐทำงานร่วมกับท้องถิ่นคือกรุงเทพมหานครอย่างเต็มที่
ส่วนมองพรรคไหนเป็นคู่แข่งในสนามกทม.นายสกลธี ระบุว่า เหมือนแข่งกับตัวเองมากกว่าเพราะทุกพรรคมีการนำเสนอที่ดี แต่เรามีการนำเสนอที่แตกต่าง ถ้าสังเกตจะเห็นว่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐจะไม่เจาะไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่จะนำเสนอในภาพรวมในการแก้ปัญหากรุงเทพฯทั้งระบบ รวมถึง 5 จังหวัดรอบๆให้พัฒนาไปพร้อมๆกันด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews