ถือว่ากระเพื่อมได้แรงมากกว่าครั้ง พรรคพี่น้อง 2 ป. และพรรคอื่นๆ ประกาศนโยบายหาเสียงแจกจุกๆ สมกับความเชี่ยวยุทธ์การตลาดจาก “นโยบายแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่น”
@ถือว่ากระเพื่อมได้แรงมากกว่าครั้ง พรรคพี่น้อง 2 ป. และพรรคอื่นๆ ประกาศนโยบายหาเสียงแจกจุกๆ สมกับความเชี่ยวยุทธ์การตลาดจาก “นโยบายแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่น” ให้คนอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปที่คาดว่ามีราว 50 กว่าล้านคนใช้เงินประมาณ 5.4 แสนล้าน ของ พรรคเพื่อไทย โดย “เศรษฐา” หนึ่งใน “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวานซืน (5เม.ย.) ที่เบื้องต้นถูกมองในความสุ่มเสี่ยงอาจเข้าข่าย “สัญญาว่าจะให้” ผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ไม่นับรวมถูกเสียดเย้ย ลอกการบ้านโครงการ “คนละครึ่ง” ของ “รัฐบาลลุงตู่” ผสมกับที่ “แบงก์ชาติกับแบงก์พาณิชย์” กำลังทดลองระบบการใช้เงินดิจิทัล มีผู้คนตั้งแต่แวดวงการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงแวดวงวิชาการออกมาวิจารณ์ทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วยมากมาย ทั้งติติง ความชัดเจน ที่มาที่ไป ยากที่จะทำได้ อาจผิดวินัยการเงิน จนกลายเป็น ข่าวหน้าหนึ่ง และอยู่ในฟีดข่าวที่ผู้คนให้ความ สนใจติดตาม
@เรียกว่าตอนแรกเหมือนทำท่าทัวร์จะลง “เศรษฐา” และพรรคเพื่อไทย ที่ทำท่าจะพาให้เพื่อไทยตกที่นั่งลำบาก หากจะมีใครไปยื่นร้องกกต.ว่ากรณีดังกล่าวเงี่ยงกฎหมาย “สัญญาว่าจะให้” หรือไม่ ที่แน่นอนที่ยังเงียบอยู่ อาจเพราะหลายพรรคซีกรัฐบาลปัจจุบัน ตั้งแต่ “พรรคพี่-พรรคน้อง” “พลังประชารัฐ” (พปชร.) – “รวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ไปจนถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ,ภูมิใจไทย (ภท.) แม้กระทั่งในซีกฝ่ายค้านเอง ก็ล้วนมีนโยบายหาเสียงแนวแจกจุกๆ ในแต่ละรูปแบบ อย่างที่ กกต.วันนี้ (7เม.ย.) ได้จังหวะออกมาย้ำเตือน 10 ข้อห้ามหาเสียงเลือกตั้ง ที่มีโทษแรงทั้งจำ-ปรับ แถมอาจถูกสั่งยุบพรรคได้โดยห้ามไม่ให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการ อาทิ 1. จัดทําให้เสนอให้สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณ เป็นเงินได้แก่ผู้ใด 2. ให้เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือ โดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์หรือสถาบันอื่นใด
@ เช่นเดียวกับ อ.สมชัย จากเสรีรวมไทย ในฐานะอดีตกกต.ที่โพสต์ FB ทวดประชานิยม ปรากฏกายวิจารณ์ทั้งในมิติความชัดเจนและผลกระทบต่อแหล่งเงินวินัยการเงินและการก่อหนี้ รวมถึงจะเข้าข่ายการ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (1) สัญญาว่าจะให้หรือไม่ และ มีการดำเนินการ
ตามมาตรา 57 ของ พ.ร.ป. พรรคการเมือง ที่ พรรคต้องแจ้งที่มาของงบประมาณของนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่ได้ ผลกระทบ และความเสี่ยง ที่เกิดขึ้น ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือยัง
@ กระนั้นในส่วนของ พรรคเพื่อไทย เองยังคงออกมาแสดงความมั่นใจในนโยบายชุดนี้ว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือประชาชนได้ โดยไม่น่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยมีการขน ขุนพลเศรษฐกิจ นำโดย “เศรษฐา-หมอมิ้ง” ร่วม ตั้งโต๊ะแถลงข่าววันนี้ (7เม.ย.) ถือโอกาส “ขยายผลขยายความ” แจกแจงอธิบายรายละเอียด นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1หมื่น ที่ “เศรษฐา” ยืนยัน ไม่ได้เป็น นโยบายประชานิยมสุดโต่ง ไม่เคยมองประชาชนเป็นยาจก โดยคาดว่า
หากเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในช่วงไตรมาส 3 และเริ่มโครงการสามารถโอน1หมื่นให้ประชาชนได้เลย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 โดยคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจ ภายใน 4 ปี การเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี
@ เช่นเดียวกับ “หมอมิ้ง” ที่บอกว่า จุดยืนของเพื่อไทย คือต้องการได้อำนาจรัฐเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งเพื่อไทยประกาศเรื่องนี้ ตั้งแต่เดือนต.ค. 65 และก็เริ่มมีมาตรการที่ค่อยๆ ปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นรายได้ขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ที่สำคัญเราได้รับรอง ว่าสามารถทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 5% เมื่อประชาชนมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รายได้ไม่เพียงพอ ก็เป็นการสำคัญ ที่หากพูดในเชิงการแพทย์ที่ เราไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อให้ยืดจากความตาย แต่เราจะต้องใช้การปั๊มหัวใจให้กลับคืน มาให้รวดเร็วเพื่อกลับมาแข็งแรง โดยกระเป๋าตังค์ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่จะปลุกกำลังของ เราให้ฟื้นขึ้นเพื่อให้เราไปแข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่ระหว่าง 6 เดือนนี้ เราจะมีมาตรการอื่นรองรับเพื่อให้เขาขยับไป ทำมาหากินได้เพิ่มขึ้น และมองว่านโยบายนี้ไม่น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย “สัญญาว่าจะให้” เพราะเป็นนโยบายที่เกิดขึ้น กับคนไทยทุกคนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้เฉพาะจงเจาะ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews