“ชัยวุฒิ” ชู”บิ๊กป้อม”เป็นนายกฯในโลกจริง ไม่ใช่โลกออนไลน์ ย้ำไทยต้องมีเกณฑ์ทหาร ชี้ยังมีภัยคุกคามความมั่นคง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคพลังประชารัฐว่า ในทางการเมือง แต่ละพรรคสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ เช่นเดียวกัน พรรคก็มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองอื่น ตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะนโยบาย เรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ขอยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะอยากให้มีการเกณฑ์ทหารและพัฒนากองทัพ เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติไว้
ซึ่งทุกวันนี้ก็มีนโยบายการสมัครใจอยู่แล้ว และต้องเพิ่มสวัสดิการของทหาร ให้ทหารที่สมัครเข้ามาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ และเป็นกำลังสำรองของชาติด้วย เพราะอาจจะมีการคุกคามในอนาคต นอกจากเรื่องความมั่นคงแล้ว ก็ยังมีเรื่องการดูแลประชาชนทั้งภัยธรรมชาติ ภัยแล้งก็จะมีทหารลงมาช่วยประชาชนอยู่โดยตลอด ซึ่งก็เป็นภารกิจสำคัญ ไม่อยากให้คิดนโยบาย ที่เอาใจประชาชน เกิดค่านิยมที่ผิด ไม่อยากใช้คำว่า “ชังชาติ” คิดว่าเป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง อยากให้มองกองทัพว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องช่วยกันสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เพราะนี่คือความมั่นคงของชาติที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้ มองว่า การเกณฑ์ทหารต้องได้รับความสมัครใจมากกว่า ซึ่งเป็นแนวคิดของพรรคการเมืองอื่น ข้อเท็จจริงวันนี้มีแผนพัฒนากองทัพ มีการวางการใช้กำลังทหารซึ่งปัจจุบันมีการปรับลดจากประมาณ จาก 100,000 คน เหลือประมาณ 60,000 คน และมีการสมัครเข้ามาได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันคนที่สมัครเข้ามาไม่เพียงพอ จึงต้องมีระบบการเกณฑ์ทหาร โดยในอนาคตไม่รู้ว่าต้องเพิ่มหรือลดจำนวน อยากให้มองเรื่องนี้เป็นความมั่นคงของชาติเป็นความจำเป็น เพราะเชื่อว่าภัยคุกคามยังคงมีอยู่ บางเรื่องที่นักการเมืองไม่รู้ แต่ฝ่ายความมั่นคงรู้ เราควรที่จะรับฟังและคุยกันด้วยเหตุด้วยผล
สำหรับผลสำรวจที่ยกให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับ 1 ในเรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้งนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นนโยบายของหลักของพรรคอยู่แล้ว พล.อ.ประวิตร มีแนวคิดและแนวทางการทำงานที่ชัดเจนว่า อยากประนีประนอมและพูดคุยกับทุกฝ่าย เพราะทุกวันนี้สังคมไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองสุดโต่ง มีทั้งซ้ายจัด ขวาจัด บางคนก็อยากเปลี่ยนประเทศ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนที่ไกลเกินไปคนไทยรับไม่ได้ เกิดความขัดแย้งรุนแรงในอนาคต รวมถึงบางคนก็คิดแต่เรื่องครอบครัว
เรื่องส่วนตัวมากเกินไป ทำให้สังคมอีกกลุ่มหนึ่งรับไม่ได้เหมือนกัน ความขัดแย้งต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ในการเมือง ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และทำให้บ้านเมืองมีปัญหาได้ในอนาคต ซึ่งพล.อ.ประวิตร มองว่าอยากเป็นคนที่จะเข้ามาก้าวข้ามความขัดแย้งนี้ อยากรับฟังทุกกลุ่มทุกฝ่ายประสานให้ทุกคนทำงานร่วมกันให้ได้ที่สำคัญเราคิดต่างกันได้แต่ต้องมาหาทางออกร่วมกัน
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร จะเป็น Soft Power ที่ทำให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้ รัก สามัคคีกันได้และตนเชื่อมั่นว่า สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเราเดินหน้าไปได้ประชาชนก็จะอยู่ดีกินดีก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อก้าวข้ามความยากจน
แต่สำหรับผลสำรวจอื่นๆ ที่พล.อ.ประวิตรไม่ติดโพลเลยนั้น ก็เป็นแค่คนกลุ่มหนึ่ง แต่ในผลสำรวจที่พรรคทำ พล.อ.ประวิตร มีคะแนนนิยมพอสมควร คนที่เข้าใจแนวทางของพรรคก็มีเยอะคนที่ชอบนโยบายของพรรคก็มีมาก เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่ได้ตอบไม่ได้แสดงความเห็นในโพล บางโพลเป็นโพลออนไลน์ แฟนคลับบางส่วนก็ไม่ได้เข้าร่วมความคิดเห็น ซึ่งทำให้คะแนนนิยมในการทำโพลอาจจะไม่ดี แต่โพลในโลกความเป็นจริงก็เป็นนายกรัฐมนตรี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews