@สวนทางกับกระแสการเลือกตั้งที่กำลังเข้าโค้งสุดท้าย ที่ทั้งกระแสและโพลสำรวจ “พรรคฝ่ายเสรีนิยม”หรือ“พรรคฝายประชาธิปไตย”
ที่นำโดย “เพื่อไทย” “ก้าวไกล” ยังคงนำ “พรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม”ที่นำโดย “รวมไทยสร้างชาติ”รทสช.ของ “ลุงตู่”พลันปรากฎประเด็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย”ถูกทิ้งทุ่นออกมาจาก “อ.วิษณุ เครืองาม”รองนายกฯ“รัฐบาลลุงตู่” ให้ทุกฝ่ายหันมาพิจารณาอย่างกังวลาในโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นแบบซ้อนภาพอดีตที่ผ่านมาโดย “อ.วิษณุ”พูด(3พ.ค.)ทำนอง “โดยมากแล้ว รัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ควรตั้ง แต่ถ้าหนีไม่พ้นแล้ว จำเป็นต้องตั้งก็จะเป็นเสียงข้างน้อยไม่กี่วัน และจะเป็นเสียงข้างมากขึ้นมาเอง คงไม่อยู่ไปถึงขนาดไปเจอกฎหมายงบประมาณ
@โดย “อ.วิษณุ”บอกว่า คงไม่เหมือน รัฐบาลของ “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช”ปี 2518 ที่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่หวังว่าตั้งขึ้นเสร็จแล้วจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้พรรคเล็กตามเข้ามาที่ครั้งนั้น เสียงข้างน้อยอยู่ได้ไม่นาน เพราะรัฐธรรมนูญ ขณะนั้นให้รัฐบาล ต้องแถลงนโยบาย เมื่อแถลงนโยบายเสร็จแล้วให้ลงมติได้ว่าไว้ใจนโยบายหรือไม่ถ้าไม่ไว้ใจให้คว่ำได้เลย ฉะนั้น ไม่มีเวลาที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูด แต่ถ้ามีการแถลงนโยบายโดยไม่มีการลงมติตอนนั้นไม่มีใครคว่ำรัฐบาลได้ จะคว่ำอีกทีต้องไปเข้าชื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ กว่าจะถึงวันนั้น แม่เหล็กมันแสดงฤทธิ์ ที่ตนพูดมานี้เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าไปคาดหมายอะไรทั้งสิ้น เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์อย่างนี้อยากเห็นรัฐบาลข้างมากตั้งแต่ต้นมากกว่า”โดย “อ.วิษณุ”ยังบอกด้วยว่าปกติจะไม่มีการพูดถึงการจับขั้วการเมืองก่อนวันเลือกตั้งเพราะยังไม่มีอะไรแน่นอน เราเห็นการจัดตั้งรัฐบาลหลายครั้งมาแล้วที่ทำท่าว่าขั้วจะออกมาอย่างนี้แต่ยังไม่ได้มีการประกาศผลเลือกตั้งออกมาอย่างเป็นทางการ เช่น เลือกตั้งเมื่อ 23 มี.ค.62 พอเช้าวันที่ 24 มี.ค.เมื่อรู้คะแนนเราจึงได้เห็นการจับขั้วกันเกิดขึ้นอย่างหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาเอาเข้าจริง ทิ้งเวลาไปอีก 1-2 เดือน กว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งออกมาเป็นทางการ ขั้วรัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่แค่รู้คร่าวๆพอรู้ได้หลังปิดหีบ 24 ชั่วโมง แต่ยังปักใจไม่ได้ การเมืองก็เป็นอย่างนี้ เป็นเรื่องธรรมดา
@เรียกว่าการออกมาทิ้งทุ่นชี้ทางดังกล่าวของ “อ.วิษณุ”ก่อปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยจากฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมเอง ที่มองไปถึงการฝืนต่อเจตนารมณ์ของประชาชน อย่าง “องอาจ คล้ามไพบูลย์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มองรัฐบาลเสียงข้างน้อยเกิดขึ้นได้ยาก ถ้าหวังให้ สว. ช่วยออกเสียงให้เสียงข้างน้อยได้เป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็อาจจะทำหน้าที่รัฐบาลได้ไม่นาน เพราะเมื่อมีการลงมติกฎหมายงบประมาณ หรือการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็จะแพ้โหวตในสภาทำให้ไม่สามารถเป็นรัฐบาลต่อไปได้ และว่าควรคำนึงถึงความชอบธรรมทางการเมือง และกระแสสังคมที่อาจไม่ยอมรับการกระทำของพรรคการเมืองที่ฝืนความรู้สึกของสังคมจนอาจก่อให้เกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นมาได้
@เช่นเดียวกับ “เมธา มาสขาว” เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)ที่ไม่เห็นด้วย และยอมรับว่าไม่สบายใจกับสัญญานดังกล่าว ที่ ผิดหลักการประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ที่มีการหวังว่าหลังจากนั้นค่อยหาเสียงเพิ่มหรือรอยุบพรรคการเมืองอื่นตามยุทธศาสตร์เลือกตั้ง 62 เป็นการเมืองแบบเก่าที่สร้างความขัดแย้งในระบอบประชาธิปไตยพรรคการเมืองที่ได้ชนะเลือกตั้ง ได้เสียง ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 ต้องเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชนไม่ใช่พรรคเสียงข้างน้อยกดดันพรรคอื่นโดยใช้เสียง ส.ว. หากพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถหาเสียงเกินครึ่งนึงของสภาผู้แทนราษฎรได้ ถึงจะเป็นสิทธิของพรรคอันดับ 2 ในการจัดตั้งรัฐบาลถ้าหากรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งได้
@นายเมธา มองด้วยว่า การที่นายวิษณุคิดว่าถ้าหนีไม่พ้น จำเป็นต้องตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเองทำให้เห็นยุทธศาสตร์ของ “ลุงตู่” และพรรค รทสช.ที่ ต้องการรวมเสียง พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ประมาณ 200 เสียง บวกกับส.ว. 250 หลังจากนั้นจึงดึงพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นไปตามนี้เท่ากับเป็นการล้มล้างเจตนารมณ์ของประชาชน รัฐบาลจะขาดความชอบธรรม และหากมีการยุบพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้ง บ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะกลไกประชาธิปไตยถูกทำลาย จึงอยากเรียกร้องให้ทุกพรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากให้ได้เกิน 376 เสียง เพื่อไม่ให้ตัวแทนกองทัพสืบทอดอำนาจต่อไป แม้จำเป็นจะต้องเชิญพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เช่น ภูมิใจไทย หรือ ประชาธิปัตย์ลอยแพพรรคทหาร 2 พรรคจึงจะทำให้การเมืองไทยไปต่อได้.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews