รบ.พร้อมรับมือความท้าทายใหม่จากการฟื้นตัวศก.จีน
รัฐบาลพร้อมรับมือการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างจุดแข็ง เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ จากสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ได้ประเมินว่า การเปิดประเทศของจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น
ซึ่งทิศทางการฟื้นตัวนี้จะส่งผลต่อประเทศที่มีความเกี่ยวพันทางเศรษฐกิจกับจีน ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับให้ใช้โอกาสนี้ เตรียมพร้อมรับมือ ประเมินสถานการณ์ เตรียมการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ การใช้เทคโนโลยี เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทย สร้างจุดแข็ง ตามที่รัฐบาลได้เตรียมการรองรับมาอย่างต่อเนื่อง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของจีนจะส่งผลเชิงบวกทั้งทางตรง และทางอ้อม ปัจจัยสนับสนุนช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะส่งผลชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาจำนวนมาก โดยในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากถึงประมาณ 10 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าทั้งหมด สร้างรายได้กว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี มีการคาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 5.3 ล้านคน เดินทางมาไทย และสามารถสร้างรายได้ถึงประมาณ 4 แสนล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคการส่งออกสินค้าของไทยเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่ได้รับผลดีจากการเปิดประเทศ จีนถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย ที่คาดว่าจะสามารถทยอยปรับตัวดีขึ้นจากในครึ่งปีแรกที่ร้อยละ 10.8 จะมาขยายตัวที่ร้อยละ 12.9 ในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ จีนยังมีการนำเข้าสินค้าจากกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจะส่งผลดีทางอ้อมให้การผลิตและการส่งออกสินค้าไทยให้ฟื้นตัวได้เข้มแข็งขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
