Home
|
ข่าว

“รังสิมันต์” ชี้ สกัดก้าวไกลไม่ให้ตั้งรบ. ไม่เป็นผลดีกับใคร

Featured Image
“รังสิมันต์” ชี้ สกัดก้าวไกลไม่ให้ตั้งรบ. ไม่เป็นผลดีกับใคร วัฒนธรรมทางการเมืองที่รักษามานาน คือพรรคอันดับหนึ่ง ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล

 

 

นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์พรรคก้าวไกลและโฆษกพรรคก้าวไกลได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประเด็นการจัดตั้งรัฐบาล เรื่องตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลคือ ส.ว. ตอนนี้พรรคก้าวไกล มีความมั่นใจหรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า ควต้องมีการย้ำกับทุกฝ่าย ว่ากระบวนกาคที่เรากำลังทำอยู่ในตอนนี้คือการปิดสวิตซ์ 272

 

 

ซึ่งจะเปิดให้มีการจัดตั้งรัฐบาลตามกลไกปกติ ที่บางคนอาจจะลืมไปแล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไร มันคือการที่เรามีเสียงในสภาเกิน 250 คนนั้นเพียงพอ และในวันนี้ที่ก้าวไกลรวมเสียงได้เกิน 300 กว่าเสียง เรากำลังมีรัฐบาลที่แข็งแรงมากที่สามารถผลักดันนโยบายได้ ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังทำคือการคืนกลไกปกติให้กับสังคม ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ส.ว. ก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น รวมถึงบางพรรคที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

 

 

“ถ้าเกิดเราผลักดันให้ มีการปิดสวิตซ์ 272 ได้จริง ผมก็เชื่อว่าประเทศก็เดินหน้ากันได้ ก็จะได้ไม่มีความขัดแย้งอะไร ผลเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมาก็สะท้อนชัดแล้วว่า พรรคการเมืองที่ได้ตำแหน่งคือพรรคไหน” รังสิมันต์กล่าว

 

 

เมื่อถามว่า ส.ว. อยากให้รวบรวมเสียงได้ 376 เสียงไม่อยากให้พึ่งเสียง ส.ว. นายรังสิมันต์ระบุว่า การปิดสวิตซ์ 272 เป็นความพยายามก่อนหน้านี้ที่เราพยายามแก้รัฐธรรมนูญ ก็คือปิดสวิตซ์ ส.ว. ในการเลือกนายก แต่ในความเป็นจริง ต่อให้ 272 ไม่ถูกปิด แต่อีกไม่นานก็จะถูกปิด จึงถามว่าทำไมเราไม่มาสร้างบรรยากาศให้เดินต่อให้สอดคล้องกับเจตจำนงค์ทางการเมืองของประชาชน

 

 

การบอกให้รวมกันให้ได้มากกว่าสองสภา จะทำให้รู้สึกว่าทำไมไม่เคารพเสียงจองประชาชน การโหวตคุณพอธาเป็นนายก เข้าใจว่าอาจจะไม่ชอบ แต่นี่คือการปลดล็อคกฎหมาย เพื่อให้ความต้องการขอวประชาชนได้รับการตอบสนอง

 

 

“แน่นอนพรรคก้าวไกลไม่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา แต่วัฒนธรรมทางการเมืองที่เรารักษามาโดยคลอด คือการที่พรรคการเมืองที่ชนะอันดับหนึ่งจะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ทุกฝ่ายต้องมีหน้าที่ให้ความร่วมมือ” รังสิมันต์กล่าว

 

 

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องพูดคุยกับทุกฝ่ายและทุกคน ถ้าเราดู ส.ว. ที่โหวตปิดสวิตซ์ 272 ก็มีถึง 60 กว่าคน รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย ทุกฝ่ายมีส่วนที่จะทำให้ประเทศเดินต่อได้ เรามองว่าในสภาวะปกติของบ้านเมือง คือไม่ให้ ส.ว. มาโหวตเลือกนายก ทุกคนมีส่วนช่วยในการคืนความปกตินี้

 

 

การเลือกนายกตาม 272 กับการจัดตั้งรัฐบาลนั้นคนละกรณี การจัดตั้งรัฐบาลมีลักษณะที่ว่าเราต้องลงเรือลำเดียวกัน แต่การเลือกนายก ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราไม่ควรมีเงื่อนไขนี้ตั้งแต่ต้น นี่ไม่ใช่การขอร้อง แต่คือการช่วยเพื่อให้เสียงของประชาชนมันเกิดขึ้นได้จริง

 

 

เมื่อถามว่าตอนนี้ก้าวไกลให้ใครไปพูดคุยกับ ส.ว. นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรามีการประชุมกรรมการบริหารพรรคและมีคีย์แมน ซึ่งยังไม่วามารถบอกได้ว่าเป็นใคร นายรังสิมันต์กล่าวว่า ส.ว. คงทีการประชุมพูดคุยกันเอง ส่วนทางก้าวไกลก็คงพยายามเปิดรัยและพูดคุยเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล เหมือนที่คุณพิธาได้กล่าวว่า เราไม่ได้จะเป็นรัฐบาลของคนที่เลือกเรา แต่เราตะเป็นรัฐบาลของทุกคน แม้คน ๆ นั้น จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

 

 

เมื่อถามถึง กรณีที่ ส.ว. เสรี จัดตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบนโยบายของพรรคก้าวไกล เช่น ม.112 และคุณพิธาถือหุ้นสื่อ นายรังสิมันต์ตอบว่าพรรคก้าวไกลยินดีที่จะถูกตรวจสอบ แต่ไม่อยากให้การตรวจสอบมีจุดมุ่งหมายในการทำลายทางการเมือง และการใช้คณะกรรมาธิการต้องระมัดระวังว่าตะเกิดคำถามใช้ทรัพยากรของรัฐในการที่จะสะกัดไม่ให้พรรคก้าวไกลเข้ามาเป็นรัฐบาล ถ้าทำแบบนี้ ส.ว. จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ พรรคก้าวไกลยืนยันว่าในเรื่องของหุ้นสื่อเราไม่ทีความกังวลกับเรื่องนี้

 

 

ส่วนการสัมภาษณ์ของ ส.ว. ที่บอกว่าถ้าได้ 250 เสียงขึ้นจะโหวตให้ แต่พอเป็นพรรคก้าวไกลกลับลังเล นายรังสิมันตร์กล่าวว่า เขาอาจไม่ได้คิดตั้วแต่ต้นว่าก้าวไกลจะได้ แต่เวลาจะพูดอะไรอยากให้มองถึงหลักการ แต่เมื่อเจอคุณพิธาและพรรคก้าวไกลก็เกิดความกังวล ที่พรรคก้าวไดลจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เราไม่ได้ทำประชาชนเสียผลโยชน์แต่เราจะทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ

 

 

เมื่อถามว่าคุณพิธาอาจตะต้องถอยให้แคนดิเดทนายกพรรคเพื่อไทยที่คุยได้มากกว่าขึ้นมา นายรังสิมันต์ระบุว่า ยังอีกไกล ที่จะมองถึงขั้นนั้น สถานการณ์ทางบ้านเมืองเมื่อ 4 ปีที่แล้วกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน 4 ปีทึ่แล้วเรารวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่ได้ แต่ตอนนี้รวมได้ กรณีที่สองคือ ส.ว. จะต้องหมดอายุ ในปีหน้า คำถามคือจะยื้อแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ การทำมห้พรรคก้าวไกลไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เป็นผลดี

 

 

มาตรา 112 หลายพรรคเองเป็นกังวล ก้าวไกลจะให้ความมั่นใจอย่างไร รังสิมันต์กล่าวว่า อาจตะมีมุมบางอย่างที่อาจมองไม่ตรงกัน แต่ไม่มช่ว่าคุยกันไม่ได้ ดังนั้นเราน่าจะหาจุดที่นำไปสู่การแก้ปัญหา ทุกคนน่าจะเก็นตรงกันว่าไม่อยากเห็นการใช้ 112 ในการรังแกคนที่เห็นต่างทางการเมือง

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube