Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

จำคุก 1 ปี 12 ด. จตุพร นำนปช.บุกบ้านสี่เสาปี 50

วันนี้ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

 

 

 

 

โดยเป็นการอ่านคำพิพากษาในสำนวนที่สอง คดีหมายเลขดำ อ.2799/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นายศราวุธ หลงเส็ง ผู้ชุมนุม นปช. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย

 

โดยอัยการยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2557 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคนจากเวทีปราศรัย บริเวณท้องสนามหลวง ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ

 

 

เพื่อเรียกร้องกดดันให้ พล.อ.เปรม ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากพวกจำเลย และกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ซึ่งคดีนี้ นายจตุพร จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ แต่ในระหว่างการพิจารณา ขอกลับคำให้การจากเดิมเป็นรับสารภาพ และได้รับการประกันตัว

 

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและข้อเท็จจริง วินิจฉัยได้ว่า นายจตุพร จำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์เป็นแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ ในเวลานั้น นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์จริง รวมทั้งได้พูดปลุกระดมปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม และปลุกระดมให้ประชาชนทำลายเครื่องกีดขวางและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันการความวุ่นวายกับคุกคามสิทธิเสรีภาพของ พล.อ.เปรม

 

 

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานผู้สนับสนุนให้เกิดการมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และสนับสนุนให้ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ต้องโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิจารณาบรรเทาโทษ ให้ลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี 12 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 คือ พยานหลักฐาน ฝ่ายโจทก์ ยังไม่มีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมในการทำผิด พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2

 

 

ทางด้านนายจตุพร กล่าวว่า ไม่มีความกังวลเพราะยังไงก็จำคุกอยู่แล้ว ในสำนวนแรกสารภาพในชั้นฎีกาซึ่งทำไม่ได้ และยอมรับว่า ตนได้เคยโทรศัพท์ขอกราบอโหสิกรรมกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริงมนุษย์เรามีทั้งเรื่องที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นคดีนี้จำเลยเหลือ 7 คนแต่ว่าคดีขาดอายุความไป 5 เหลืออยู่ 2 คน รอคดีแรกให้ยุติ ถึงจะพิจารณาสำนวน2 ตนไม่สู้คดีอยู่แล้ว ยอมรับความจริง น้อมรับคำพิพากษาของศาล

 

 

“ผมเองเนี่ยนะครับ ในชีวิตในคดีนี้ในวันที่พรรคพวก สำนวนแรกต้องคำพิพากษาศาลชั้นต้น พลเอกชวลิต จงใจยุทธ ได้ประสานกัน ได้โทรศัพท์ประสานกัน และก็ได้ต่อสายไปยัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก่อนที่ พล.อ.เปรม ได้พูดกับพลเอกชวลิต และท่านก็เปล่งวาจาว่า ป๋าขออโหสิกรรมให้ ผมก็เปล่งวาจาตอบว่า ผมกราบอโหสิกรรม นี่พูดขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ วันที่ถึงแก่อสัญกรรม นะครับ ผมก็ได้เปล่งวาจาขออโหสิกรรมอีกรอบ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube