“ชลน่าน”ย้ำคณะทำงานเปลี่ยนผ่าน 8 พรรคร่วมไม่ก้าวล่วงการทำงานรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ชี้ เป็นการเสนอความเห็นตามวิถีการเมือง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้มีการนัดประชุมพูดคุยกับ 8 พรรคร่วมรัฐบาลในฐานะที่จับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาลในฝั่งเสรีประชาธิปไตย นำโดย พรรคก้าวไกล ซึ่งผลการประชุมได้แถลงไปแล้วเมื่อวานนี้ บรรยากาศก็ดีขึ้นตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวออกไป และสามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้เห็นว่า 8 พรรคร่วมมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันตามที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน
ซึ่งจากการได้กำหนดการทำงานสิ่งที่ชัดเจนคือจะใช้วาระงานเป็นตัวกำหนดทิศทางการทำงานร่วมกันตามเอ็มโอยู 23 ข้อ ซึ่งใน 23 ข้อได้ปรับเปลี่ยนเป็นกรอบวาระการทำงานโดยมีคณะกรรมการผู้รับผิดชอบประสานงาน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นประธานคณะทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน และมีตัวแทน 8 พรรคเป็นคณะกรรมการด้วย
ขณะเดียวกันได้มีการตั้งคณะทำงานอีก 7 คณะแบ่งแยกตามภารกิจ โดยคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านจะเป็นผู้รวบรวมรับความเห็นจากคณะทำงานที่แบ่งภารกิจ ซึ่งจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 6 มิ.ย.66 ที่พรรคเพื่อไทย สำหรับคณะทำงาน 7 คณะนี้ในที่ประชุมเห็นชอบร่วมกัน เนื่องจากเป็นภารกิจที่จำเป็น เร่งด่วนและสำคัญ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์และเป็นนโยบายรัฐบาลต่อไป
โดยขั้นตอนสุดท้ายต้องผ่านการประชุมร่วมทั้ง 8 พรรคอีกครั้ง หลังจากนี้หากได้ตัวร่างนโยบายของรัฐบาลแล้วพร้อมกับตัวภารกิจหลักที่เป็นชุดข้อเสนอในมุมวิสัยทัศน์ของรัฐบาลใหม่ควบคู่ไปกับวาระทางสังคมที่จะต้องนำมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งที่ประชุมจะเห็นชอบตรงไหนก็อาจจะเสนอไปให้รัฐบาลรักษาการปัจจุบันที่อาจจะใช้เป็นเครื่องมือบริหารงานในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้
นพ.ชลน่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะทำงานที่จะแบ่งแยกตามภารกิจจะให้แต่ละพรรคเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเข้ามา ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็จะมีการพูดคุยหารือกันภายในพรรค โดยนำผลจากการประชุมหารือมาพูดคุยถึงการกำหนดตัวบุคคลที่เหมาะสม โดยไม่ต้องประชุมรวมทั้ง 8 พรรคแต่อาจเป็นการประชุมผ่านสื่อออนไลน์ โดยเสนอชื่อไปให้พรรคก้าวไกล
ส่วนจะต้องรอให้รัฐบาลรักษาการส่งผ่านเรื่องการจัดการทำงานหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ 8 พรรคร่วมเข้าใจว่ายังไม่ได้มีบทบาท หน้าที่ และอำนาจในรัฐบาล ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนจัดตั้งรัฐบาล หากจะมีอำนาจและหน้าที่ต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน ตั้งประธานสภา เลือกนายกฯ และจัดตั้งครม.ได้ จนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงจะทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ พร้อมเน้นย้ำว่า ใน 8 พรรคร่วมจะไม่มีการไปก้าวล่วงเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านคณะทำงานก็จะทำงานอยู่ในกรอบความคิดเห็นวิถีทางการเมือง
นอกจากนี้นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นว่าถ้าหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ในประเด็นถือหุ้นสื่อไอทีวี และถูกร้องเรื่องการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรคก้าวไกล อาจจะต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ประเด็นนี้มีการพูดคุยกันอยู่
เพราะคุณสมบัติของหัวหน้าพรรค ที่ไปลงนามรับรองผู้สมัครของพรรค มีคุณสมบัติครบหรือไม่อย่างไร ต้องไปดูประเด็นนั้น ยกตัวอย่างกรณีของตนเอง ผู้สมัคร พรรคเพื่อไทยจังหวัดนนทบุรี ถูกชี้ว่า คุณสมบัติไม่ครบ เพราะถูกจำกัดสิทธิ จากการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หลายฝ่ายมองว่า หัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบร่วมด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว การถูกจำกัดสิทธิ์ ไม่ใช่ลักษณะต้องห้าม เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นว่าหัวหน้าพรรคที่เซ็นไปลงสมัครรับเลือกตั้งต้องรับผิดชอบ และพรรคจะรับผิดชอบเฉพาะกรณีที่ไปลงนาม ตัวผู้สมัครที่รู้อยู่ว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติ และ มีคุณสมบัติต้องห้าม และเมื่อเขามีคุณสมบัติต้องห้าม และยังลงนามให้เขาไปลงรับสมัคร ต้องรับผิดชอบทางอาญา
ส่วนหากเกิดดอะไรขึ้นกับนายพิธา ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ยังคงให้โอกาสก้าวไกลในกาจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวยืนยันว่า เรายังมัดกันแน่น และยังคงทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะมีอะไรขึ้น ก็ยังคงทำงานกันต่อไป ส่วนรายละเอียด ก็ดูเป็นเรื่องๆไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews