“จุรินทร์” เชื่อทุกอย่างจะชัดเจน นิ่งขึ้นได้ หาก กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง ย้ำประธานสภาต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลาง จะไปช่วยขับเคลื่อนนโยบายให้พรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า อยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล ถือว่าเป็นสถานการณ์ปกติ เพียงแต่มีประเด็นที่ดูเหมือนพรรคที่ไปร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลยังมีความไม่ลงตัวในบางเรื่อง สังคมก็เลยให้ความสนใจ เช่น เรื่องของประธานสภา เป็นต้น เพราะผลจากการแถลงล่าสุดสะท้อนว่าก็ยังไม่มีข้อยุติ ถ้ามีข้อยุติก็คงแถลงไปแล้ว
ส่วนเป็นอย่างนี้แสดงว่าการเจรจาระหว่างพรรคร่วมตอนนี้ยังไม่ลงตัวหรือไม่ นายจุรินทร์ ระบุว่า ตนไม่ไปประเมินอย่างนั้น แต่อย่างน้อยก็มีประเด็นที่ทำให้ประชาชนสนใจในเรื่องประธานสภานั้นลงตัวหรือยัง ก็สะท้อนว่ายังไม่น่าจะลงตัว แต่ว่าการเจรจาทางการเมืองนั้นก็ต้องเจรจากันไป สำหรับความเห็นของตนก็มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
สำหรับไทม์ไลน์ทางการเมือง ที่จะมีการรับรอง ส.ส. และคาดว่าจะมีการเปิดประชุมสภาเดือน ก.ค. นั้นถือเป็นไทม์ไลน์ปกติหรือไม่ นายจุรินทร์ ระบุว่า ตรงนี้คือสิ่งที่จะทำให้ทุกอย่างอาจจะชัดเจนและนิ่งขึ้น ถ้า กกต. ประกาศผลการเลือกตั้ง ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ยังไม่มีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
ส่วนที่ถามว่าเหตุใดในการเลือกตั้งครั้งนี้ตำแหน่งประธานสภาถูกโฟกัสมากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อาจจะเป็นประเด็นที่ 2 พรรค ออกมาแสดงความเห็นในลักษณะที่ขัดแย้งกันก็ได้ แต่ประธานสภาก็ต้องเลือกกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่กังวลว่าจะต้องเป็นของพรรคโน้นพรรคนี้ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายพรรคได้
ตนคิดว่าอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะประธานสภาต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลาง จะไปช่วยขับเคลื่อนนโยบายพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนั้นทำไม่ได้อยู่แล้ว และรัฐธรรมนูญก็จำกัดขอบเขตอำนาจหน้าที่ประธานสภาไว้ชัดเจน ข้อบังคับการประชุมก็กำหนดไว้ชัดเจน การที่จะปฏิบัติหน้าที่ การทำหน้าที่ในการบรรจุระเบียบวาระการประชุม ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ มีระบบระเบียบทั้งหมดอยู่แล้ว
ดังนั้นก็ไม่ต้องไปกังวลว่าจะสามารถที่จะทำอะไรนอกเหนือกฎเกณฑ์ได้การที่พรรคเพื่อไทยเสนอว่าจะต้องได้ตำแหน่งประธานสภานั้น เหมาะสมหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่าในพรรคการเมืองที่ไปรวมกันจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ก็ยังมีความไม่ลงตัวกันอยู่ในเรื่องประธานสภา แล้วก็ตำแหน่งประธานสภาก็ไม่น่าจะมีผลต่อการได้มาซึ่งตัวนายกรัฐมนตรี
เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ และตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คนจะเป็นนายกฯ ต้องได้รับการโหวตในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เพราะฉะนั้นก็จะขึ้นอยู่กับผลการลงคะแนน ส่วนประธานสภามีหน้าที่นำชื่อจากผลการลงคะแนนในที่ประชุมร่วมรัฐสภาขึ้นทูลเกล้าฯ จะไปทำเป็นอย่างอื่นก็ไม่ได้ จะเปลี่ยนชื่อก็ไม่ได้ ก็ต้องเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว
นอกจากนี้นายจุรินทร์ ยังได้ระบุถึงคุณสมบัติของผู้จะดำรงตำแหน่งประธานสภาว่า ก็ต้องเป็นผู้แทนราษฎร ถ้าไม่เป็น ส.ส. ก็เป็นประธานสภาผู้แทนไม่ได้ แล้วก็ไปดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะฉะนั้นเบื้องต้นก็ต้องเป็น ส.ส. ส่วนจะมีคุณสมบัติอย่างไรนั้น กฎหมายได้กำหนดไว้ชัดอยู่แล้วว่า คนที่จะมาเป็นประธานสภาต้องมีคุณสมบัติอย่างไร แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการปฏิบัติหน้าที่มากกว่า แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมเลือกใคร
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการสรุปบทเรียนหลังการเลือกตั้งอย่างไรบ้างนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคก็จะต้องเดินหน้าต่อไป ผลการเลือกตั้งนั้น ไม่แพ้ก็ชนะ ไม่ได้มากก็ได้น้อย ก็เป็นสิ่งที่เราตระหนักได้ และเข้าใจดีอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งก็คือ ทุกคนจะต้องมาช่วยกันทำพรรคให้เติบโตต่อไป และเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจประชาชนได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต
สำหรับตนนั้น ไม่ว่าอยู่ในสถานะไหนก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนพรรคให้เดินหน้าต่อไป และคงความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นที่หวังของประชาชนได้ต่อไปในอนาคต
พร้อมกับได้ตอบคำถามที่ให้ประเมินสถานะของพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ตรงไหนนั้น ว่า ตนไม่สามารถตอบได้คนเดียว ประชาธิปัตย์นั้น แม้จะเป็นหัวหน้าพรรค รักษาการหัวหน้าพรรค ก็ตอบไม่ได้ มันอยู่ที่มติของพรรค และขึ้นอยู่กับที่ประชุม ส.ส. และ กรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องเป็นผู้พิจารณาต่อไป โดยเฉพาะเราก็ตกลงกันแล้วว่า ควรจะเป็น ส.ส.ชุดใหม่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังเดินหน้าอะไรไม่ได้มาก
เพราะว่าต้องรอ กกต. ให้การรับรอง ส.ส. เสียก่อนว่า ส.ส. ชุดใหม่ประชาธิปัตย์นั้นรับรองเมื่อไหร่ และจากนั้นก็จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แล้วกระบวนการทั้งหมดก็จะเดินหน้าต่อไปตามระบบ
เมื่อมีการถามว่า เคยได้ยินหรือไม่ว่ามีคนติดต่อประชาธิปัตย์ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้ตอบไปชัดแล้วว่า ตอนนี้ต้องให้โอกาสพรรคก้าวไกลที่จะเป็นแกนตั้งรัฐบาล และประชาธิปัตย์จะไม่ไปเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล นี่คือสิ่งที่ตนประกาศไปชัดเจน และจนนาทีนี้ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคก็ยังไม่เคยมอบหมายใครไปเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด
ส่วนในฐานะคนทำงานการเมืองมาอย่างยาวนาน รู้สึกหรือไม่ว่าจะมีการเมืองบนท้องถนนอีกระลอกหนึ่งจากนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เราไม่อยากให้เกิดขึ้น และเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้ทุกอย่างได้เดินหน้าไปตามระบบ ไปตามรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดไว้ เพราะรัฐธรรมนูญก็มาจากการลงประชามติของประชาชน จึงอยากให้ได้เดินไปเป็นการเมืองในรัฐสภา เพียงแต่ไม่ใช่ว่าประชาชนจะให้ความคิดความอ่านไม่ได้ อันนั้นเป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตยปกติที่ประชาชนก็ต้องสามารถแสดงความคิดความเห็นได้อยู่แล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews