เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หรือ ชื่อเดิม “เสรี” และมีชื่อเล่นว่า “ตู่” ซึ่งเป็นเจ้าของฉายา”วีรบุรุษนาแก” และเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ปัจจุบันมุ่งมั่นกับวิถีประชาธิปไตย เป็น หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อมาแล้ว 1สมัย ฝากผลงานอันลือลั่นไว้มากมาย ทั้งการอภิปรายแบบจัดหนัก จัดเต็มใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งเรื่องถวายสัตย์ไม่ครบ คดีบ้านหลวง จนถึงขั้นประกาศตัดพี่ตัดน้องกันกลางสภา หรือแม้กระทั่งคดีนาฬิกาเพื่อนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงจัดการเก็บกวาด สอยลิ่วล้อของ 3ป.จนพ้นจากตำแหน่งส.ส.และอื่นๆอีกหลายราย ในระหว่างการทำหน้าประธานกรรมาธิการ ปปช. นอกจากนี้ยังตามเช็คบิล นักร้อง ที่สร้างความสับสนวุ่นวายทางการเมืองด้วย จนถึงขั้น “สนธิญา สวัสดี”ต้องเข้าไปกราบเป็นการขอโทษมาแล้ว 1ครั้ง และขณะนี้ก็เป็นว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อสมัยที่ 2 พร้อมกับร่วมสนับสนุนพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชนด้วย
แม้ว่า “สนธิญา” จะเคยขอขมา และจบคดี กับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กันไปแล้ว 1รอบ แต่คดีใหม่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังบรรดานักร้องหลายคน จ้องเล่นงาน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ว่าที่นายกฯจากพรรคก้าวไกล ในคดีหุ้นสื่อ และครั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันแล้วจะไม่ไกล่เกลี่ย และไม่ให้อภัยอีกเด็ดขาด พร้อมบอกกลับอยากเป็นนักร้องต้องไม่กลัวประชาชน ตลอดจนส่งสัญญาณต่อว่า กลุ่มนักร้องที่ตบเท้ากันร้องพรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาล เพื่อสกัดไม่ให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พวกนี้ไม่ใช่พี่น้องประชาชนทั่วไป
แต่เป็นคนของพรรคการเมือง จะจัดการให้หมด ซึ่ง”ศรีสุวรรณ จรรยา” อาจเป็นรายต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เคยยื่นให้ถอดถอนมูลนิธิองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อ กรรมาธิการ ปปช. และกรมปกครองมาแล้ว รวมถึง “เสรีพิศุทธ์”ฟ้องกลับคดีหมิ่นประมาทกรณีร้องสอบจริยธรรม รุกที่ลำน้ำแควซึ่งศาลประทับฟ้อง และนัดสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน 24 ก.ค.นี้
และหากเปรียบเทียบโครงการประกันรายได้ กับโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร นั้น อยากย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาจะวิจารณ์พรรคการเมือง แต่โครงการรับจำนำจะมีภาระมากกว่า เพราะรัฐต้องมีการเช่าโกดังเพื่อจัดเก็บสินค้า รวมทั้งดูแลไม่ให้เสื่อมสภาพ และมีช่องให้เกิดปัญหาทุจริต โดยที่ผ่านมามีบทเรียนแล้ว และปัญหาก็ยังไม่จบสิ้นจนถึงขณะนี้
แต่ด้วยผลการเลือกตั้ง คงต้องยอมรับหากจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ถูกใจหรือไม่ถูกใจ ก็แล้วแต่ว่าจะนำนโยบายไปใช้กับคนกลุ่มใด เพราะหากเป็นเกษตรกรแค่มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะด้วยนโยบายใด ก็อาจรับได้
แต่หากเป็นผู้ส่งออกคงไม่ถูกใจนัก โดยเฉพาะผู้ส่งออกข้าว เพราะที่ผ่านมาต้องเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งไปมาก โดยนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า เพราะข้าวไทยมีราคาสูงจากโครงการรับจำนำ ที่ถือว่าเป็นการบิดเบือนโครงสร้างราคาไปมาก จนไม่สามารถแข่งขันได้ และกว่าจะมีการสะสางทำให้สต๊อกข้าวหมดไป กลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง ไทยก็เสียแชมป์ส่งออกข้าวไปแล้ว กว่าจะตั้งรับได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงไม่ควรนำโครงการรับจำนำข้าวที่บิดเบือนกลไกราคาบิดเบือนกลไกตลาดกลับมาอีกครั้ง แต่หากเลี่ยงไม่ได้ คราวนี้ผู้ส่งออกคงต้องคิดหนัก ว่าจะเดินหน้าธุรกิจต่อหรือพอแค่นี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews