บก.สตม. เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2
วันนี้ (14 มิ.ย.66) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. นำทีมแถลงข่าวกรณีที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและส่งผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย กลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนำข้อมูลคนต่างด้าวทั้ง 9 ราย ไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุดจำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของคนต่างด้าวที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย และได้เปิดปฏิบัติการ ยุทธการกวาดล้าง มังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2/2566 ขึ้น
ผลการปฏิบัติได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ดังนี้
ข้อหาฉ้อโกง จำนวน 3 ราย ได้แก่นายเกาชิง (นามสมมติ) อายุ 48 สัญชาติจีน, นายเจียนกุน (นามสมมติ) อายุ 48 สัญชาติจีน, นางยงหง (นามสมมติ) อายุ 41 สัญชาติจีน
โดยทั้ง 3 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ได้ร่วมกันกับพวกพัฒนาเว็บไซต์เอซีอี เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์หุ้น “ACE King” โดยอ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง และดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุน รวมทั้งทำโปรโมชั่นต่าง ๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี จนมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น “ACE King” ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก สร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน (ประมาณ 11,500 ล้านบาท)
ข้อหาฉ้อโกงสัญญา จำนวน 2 คน ได้แก่ นายเหลียง (นามสมมติ) อายุ 27 สัญชาติจีน, นายลิห่าว (นามสมมติ) อายุ 34 สัญชาติจีน โดยถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการ อนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยทั้ง 2 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2565 ผู้ต้องหาทั้ง 2ได้ใช้บริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงผู้เสียหายให้ทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai โดยผู้เสียหายได้จ่ายเงินซื้อเหล้าMaotai เป็นจำนวนเงิน 6.75 ล้านหยวน (ประมาณ 33.7 ล้านบาท) ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา แต่ผู้ต้องหาไม่มีเหล้า Maotai และไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้เสียหายข้อหาฟอกเงิน จำนวน 2 คน ได้แก่ นายเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 41 สัญชาติจีน
พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายเหว่ยได้นำเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายมาซื้อทองคำหลายครั้ง เพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย
นายกัง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายกังได้ทรัพย์สินมาจากการฉ้อโกงคนอื่น ต่อมาช่วงเดือน ธันวาคม 2564 ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกงไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่าง ๆ เพื่อฟอกเงิน
ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว จำนวน 1 คน ได้แก่ นายต้าลิน (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน พฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี 2564 -2565 นายต้าลิน ได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำใน Carrefour (China) Management Co., LTD. ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน (ประมาณ75 ล้านบาท)
ข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวน 1 คน ได้แก่ นายจงเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายจงเหว่ยสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยได้พัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Oneda Pay เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน (ประมาณ 1,400 ล้านบาท)
จากนั้น ได้นำตัวคนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราอาณาจักร จำนวน 7 ราย ส่ง กก.3บก.สส.สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการ อนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews