ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบค่าเงินบาท สัปดาห์หน้าที่ 34.40-34.90 บาทต่อดอลลาร์ จับตาสุนทรพจน์ประธานเฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์การเมือง ตัวเลขส่งออก
ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท สัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 19-23 มิ.ย.ไว้ที่ระดับ 34.40-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์การเมืองและตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค.ของไทย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของธนาคารกลางจีน และข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแกว่งตัวเป็นกรอบ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ขาดแรงหนุนเนื่องจากตลาดรอติดตามข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ และผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเงินบาทอ่อนค่ากลับไปใกล้ๆ แนว 34.90 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงต่อมาท่ามกลางแรงหนุนเงินดอลลาร์จาก dot plots ของเฟด ซึ่งสะท้อนโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี แม้เฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่กรอบ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อ 13-14 มิ.ย.ที่ผ่านมาก็ตาม
นอกจากนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินหยวน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอกว่าที่คาดและสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางจีน อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามบอนด์ยีลด์ เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณยืนยันว่า เฟดจะสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งตามที่ส่งสัญญาณไว้ตาม dot plots หรือไม่
ในวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 มิ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 12-16 มิ.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,957.50 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 13,193 ล้านบาท (แม้จะซื้อสุทธิพันธบัตร 2,591 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้หมดอายุ 15,784 ล้านบาท)
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews