Home
|
ไลฟ์สไตล์

รู้หรือไม่? คนอินเดีย บูชาต้นกะเพรา

Featured Image

          แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงเรื่อง ‘กะเพรา’ คนไทยเราคงรู้จักกันดี ในเมนูที่แสนอร่อย กระแสฟีเวอร์ ดังไปทั่วทั้งโลก และต่างชาติต่างให้ความสนใจนั่นก็คือเมนู ‘ผัดกะเพรา’ เรียกได้ว่าฮิตและอร่อยมากๆเลยสำหรับคนไทย(บางคนกินได้ทุกวันไม่เบื่อเลยแหละ) แต่รู้หรือไม่ว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยเราอย่างประเทศอินเดีย เขาห้ามนำพืชชนิดนี้มาประกอบอาหารเด็ดขาด แค่เด็ดยังไม่ได้เลยเธอ!

          ประเทศอินเดียเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม พิธีกรรม มีประเพณีที่หลากหลาย ซึ่งทุกศาสนามีความเชื่อ จิตวิญญาณ และขนบธรรมเนียมเป็นของตนเอง ประเพณีอย่างหนึ่งที่ฝังลึกลงในวัฒนธรรมของอินเดียคือการปฏิบัติบูชาต่อต้นกะเพราหรือที่เรียกว่า ‘Tulsi’ (ในภาษาฮินดี)

          กะเพราจึงถือเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู ซึ่งคนอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูนั้น จะใช้ต้นกะเพราในการบูชาเทพเจ้า มีความเชื่อว่าจะนำความโชคดี ความเจริญรุ่งเรือง ความสุขมาสู่บ้าน นอกจากนี้ยังใช้ในพิธีทางศาสนาต่างๆ เช่น พิธีศพตามวัฒนธรรมของพราหมณ์ชาวฮินดู ,พิธีแต่งงาน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่าการปลูกพืชชนิดนี้ยังถือว่าเป็นการชำระบาปได้อีกด้วย

          ซึ่งความเชื่อส่วนหนึ่งมากจากตำนานต่างๆในศาสนาฮินดู ไม่ว่าจะเป็นตำนานที่เกี่ยวกับพระมเหสีของพระพระวิษณุ(นารายณ์) ที่เคยต้องคำสาปให้กลายเป็นต้นกะเพรา กะเพราจึงเป็นร่างอวตารร่างหนึ่งของพระนางลักษมีผู้ที่เป็นพระชายาของพระวิษณุ ซึ่งพระวิษณุถือว่าเป็นหนึ่งในองค์เทพสูงสุดของศาสนาฮินดู ดังนั้นคนอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูจึงมักบูชาต้นกะเพรานั่นเอง

          โดยสรุปแล้ว กะเพราถือเป็นสิ่งที่สำคัญของผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู และเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์ ความเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทางยา เป็นส่วนประกอบสำคัญในการแพทย์อายุรเวท และการบูชาเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมอินเดีย 

          สุดท้ายแล้ว นี่เป็นเพียงความเชื่อของแต่ละประเทศ ของแต่ละศาสนา เช่นเดียวกับในประเทศไทยที่มีความเชื่อว่าต้นโพธิ์เป็นพืชที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

ขอขอบคุณข้อมูล

www.doctor.or.th

www.silpa-mag.com

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube