บก.ปคม. จับกุมผู้ต้องหาชาวอุเบกิซสถาน ลวงสาวร่วมชาติ อ้างทำงานเป็นแม่ครัว สุดท้ายหลอกค้าประเวณีพัทยา
พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ได้แถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหาชาวอุเบกิซสถาน ลวงสาวร่วมชาติ อ้างทำงานเป็นแม่ครัว สุดท้ายหลอกค้าประเวณีพัทยา
ด้วยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา มูลนิธิไนท์ไลท์ และองค์กรโอยูอาร์ ได้พานางสาวเค (นามสมมุติ) หญิงสาวชาวอุซเบกิสถาน อายุ 19 ปี มาแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกกลุ่มคนร้ายหลอกให้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาค้าประเวณีที่พื้นที่พัทยาจังหวัดชลบุรีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 โดยถูกบังคับให้ค้าประเวณีจำนวนหลายครั้งแต่ไม่เคยได้รับเงินค่าบริการและถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายจึงได้หลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือต่อสถานทูต
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.เค ผู้เสียหายที่ 1 ในคดีนี้ ได้ถูก น.ส.ดิโลรมคน (Ms.Diloromkhon) ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย ได้ชวนมาทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊ก ที่ประเทศไทย มีรายได้ดี มีที่พักให้ ซึ่งค่าเดินทางและค่าวีซ่าทางผู้เสียหายไม่ต้องออกเอง ผู้เสียหายจึงได้เดินทางมาประเทศไทย เนื่องจากต้องการเงินมารักษาแม่ที่ป่วย และใช้ในการแต่งงาน โดยตั้งใจว่าจะมาทำงานที่ไทยประมาณ 3 เดือนแล้วกลับ
จึงเดินทางมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา พร้อมกับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายคนที่ 2 ซึ่งถูกหลอกมาเช่นกัน โดยมีน.ส.ดิโลรมคน มารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ พาไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา
ต่อมาได้พบกับนางแซมรัต (Ms.Zumrat) อายุ 42 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นบอส/หัวหน้างาน ที่นี่ ได้บังคับให้ทำงานค้าประเวณี โดยให้ยืนหาลูกค้าที่บริเวณชายหาดพัทยา และขายบริการทางเพศให้กับลูกค้า ที่นางแซมรัต และนายนารูส (Mr.Navruzbek) หามาให้
โดยนางแซมรัตได้ข่มขู่และพูดโน้มน้าวให้ผู้เสียหายยอมทำ โดยอ้างว่า ผู้เสียหายเป็นหนี้ค่าเดินทาง ค่าทำวีซ่า คนละ 5000 ดอลลาร์ (ประมาณ 175,000 บาท) โดยนางสาวดิโลรมคน จะได้ค่าหัวที่หาเด็กมาให้นางแซมรัต หัวละ 1000 ดอลลาร์ และหากผู้หญิงคนไหนไม่เชื่อฟัง หรือทำตามที่นางแซมรัตบอก จะถูกทำร้ายร่างกาย กักขัง และไม่ให้อาหาร ผู้เสียหายจึงจำยอมต้องทำ
ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. 66 นางแซมรัตได้เริ่มพาหญิงสาวคนอื่นไปที่ประเทศบาห์เรน เพื่อไปขายบริการที่นั่น เนื่องจากได้รับค่าตอบแทนสูงกว่า น.ส.เค จึงได้ตัดสินใจหลบหนีออกมา โดยได้รับความช่วยเหลือจาก นางเอ็น อายุ 42 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกมาขายบริหารเช่นกัน ช่วยเหลือให้เงินค่าแท็กซี่เพื่อหลบหนีออกมา
เมื่อได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้ลงพื้นที่สอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง พบข้อมูลสอดคล้องตามคำให้การของผู้เสียหาย จึงได้สืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย และติดตามช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหายอื่น ที่ถูกหลอกมาขายบริการ โดยได้พบผู้เสียหายเพิ่มอีก 2 คนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา คือ นางเอ็น อายุ 42 ปี และน.ส.เอ อายุ 31 ปี ซึ่งถูกเพื่อนหลอกมาเช่นกัน จึงได้เข้าช่วยเหลือ
จากการสืบสวนพบว่า นางแซมรัต ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เดินทาง ออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา ปล่ยทางประเทศบาห์เรน ส่วนน.ส.ดิโลรมคน ผู้ต้องหาที่ 2 ได้เดินทางออกนิกประเทศไปมาเลเซียแล้ว เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 66
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ บก.ตม. ได้สืบสวนพบว่านายนารูส ผู้ต้องหาที่ 3 กำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศ จึงสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยนายนารูส ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนรู้จักกับนางแซมรัต เพราะเป็นเพื่อนของน้องชายนางแซมรัต และอยู่หมู่บ้านเดียวกัน และนางแซมรัตได้ชักชวนตนมาพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าด้วยกัน โดยตรทราบว่านางแซมรัต เป็นนายหน้าจัดหาให้มีการค้าประเวณีจริง แต่ตนไม่เคยไปยุ่ง หรือได้รับประโยชน์ใดๆจากหญิงขายบริการ
โดนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) จะได้สืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการดังกล่าวต่อไป และประสานงานระหว่างประเทศเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วมาดำเนินคดีต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews