Home
|
ข่าว

เพื่อไทยรอคุยก้าวไกลยังเสนอชื่อ “พิธา” อีกหรือไม่

Featured Image
“ชลน่าน” รับกังวลเสนอชื่อ “ประวิตร” โหวตนายกฯรอบสอง ชี้มีโอกาสได้เกิน 375 เสียง ชี้ รอคุย “ก้าวไกล” ยังเสนอชื่อ “พิธา” อีกหรือไม่ เชื่อไม่มีทางตัน

 

 

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความกังวลว่าจะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาแข่งในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง ว่า เป็นความกังวล และห่วงใยของตัวเอง ถ้ามีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง เรามีข้อกังวลถึงผลโหวตที่จะให้กับคู่แข่งอาจเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาทันทีจาก 188 เสียง ถ้าเขารวมกันแน่น แล้วบวกกับเสียง ส.ว. ก็มีโอกาสเกิน 375 เสียง

 

 

ส่วนจะดันชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ยังเคารพสิทธิของก้าวไกล ในฐานะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะดันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล ที่จะเสนอในการพูดคุยระหว่าง พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย และระหว่างการพูดคุยแปดพรรคร่วม

 

 

เมื่อถามว่า ดูแล้วเสียง ส.ว. ท่าจะยาก นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีอะไรง่าย โดยเฉพาะการเมืองที่ไม่ปกติอย่างที่พรรคก้าวไกลพูด แต่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ถ้าคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้วเราสูญเสียไป คงเป็นสิ่งที่ต้องมาปรึกษาหารือกัน ว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไร เปรียบเสมือนว่า รู้อยู่แล้วว่าจะมีการโหวตในวันที่ 19 ก.ค.นี้ โดยไม่มีหลัก หรือไม่มั่นใจ แล้วมีคนแข่ง ก็จะเป็นอย่างที่ตั้งสมมติฐานกัน ว่า เราอาจจะแพ้ ดังนั้น ต้องมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร

 

 

ส่วนในการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะมีข้อเสนอเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการโหวตครั้งที่สองหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อยู่ที่ข้อเสนอและการพูดคุย แต่หากพรรคก้าวไกลยังยืนยันจะเสนอชื่อนายพิธา พรรคเพื่อไทยจะแสดงท่าทีอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องให้สิทธิ์กับพรรคก้าวไกล พรรคอันดับหนึ่งที่เป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยลง MOU ไปแล้ว และชัดเจนจะสนับสนุนจนสุดความสามารถ ซึ่งยังยืนยันอยู่

 

 

ส่วนนิยามคำว่าสุดความสามารถ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีคำนิยาม ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความเป็นเหตุเป็นผล ถ้าทำถึงที่สุดแล้วก้าวไกลเห็นชอบ ภาพรวมไม่มีผลกระทบ ไม่มีผลเสียหาย ถ้าจบได้นั่นคือนิยามคำว่าถึงที่สุด พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ที่ยังไม่พูดคุยกัน จะยังเสนอชื่อนายพิธาในรอบสอง แต่หากมีข้อสรุปแล้วก็จะเป็นไปตามสิ่งที่พูดคุยกัน ขณะเดียวกันมองว่า เรื่องเงื่อนไขข้อบังคับที่ว่า ญัตติที่ตกไปแล้วจะเสนอซ้ำไม่ได้ ในมุมเราคิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น และสำคัญ แต่หากท่านอื่นจะยกมาก็เป็นเรื่องที่สภาจะต้องพิจารณา ส่วนฝ่ายเราที่มีความมุ่งมั่นจะเสนอในญัตติเดิมก็ต้องหาเหตุผลมาหักล้างให้ได้

 

 

ส่วนความพอใจที่ว่าจุดของความพอใจอยู่ตรงไหน และความพอใจหลักยังอยู่ที่ประชาชนอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ยังกล่าวว่า เรื่องนิยามความพึงพอใจ ของนักการเมืองและพรรคการเมืองจะอยู่เหนือประชาชนและประเทศชาติไปไม่ได้ จะทำอะไรจนเป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อน ประเทศเสียหายคงไม่ได้ ไม่ใช่ว่า ผมพอใจที่จะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และเกิดความเสียหาย คงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม คงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุนกันในเรื่องอย่างนั้น

 

 

เมื่อถามย้ำว่าวันนี้ถึงเวลาหรือยังหลังพรรคอันดับหนึ่งดูเหมือนว่าน่าจะไม่ได้เสียงสนับสนุนถึงเป้า ถึงเวลาของพรรคอันดับสองแล้วหรือยัง นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า 8 พรรคร่วมคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าโหวตวันที่ 19 ก.ค.นี้ ไม่ใช่ชื่อนายพิธา แต่เป็นชื่ออื่น ไม่ได้อยู่ในนาม 8 พรรคร่วม นั่นคือความต้องการ ความคาดหวังของประชาชนถูกทำลายทันที ทั้งนี้ ไม่มีคำว่า 8 พรรคร่วม “อาจจะ” เสนอชื่ออื่น อยู่ที่การพูดคุย

 

 

ส่วนข้อเสนอของนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า หากแก้ไขมาตรา 272 ไม่ได้ ให้ถอยไปเป็นฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล เขาจะปฏิบัติหรือไม่เราไม่ทราบ แต่เราไม่มีข้อผูกมัดอะไร ที่จะเป็นหรือไม่เป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาชนเสียงข้างมากเลือกให้มาเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เลือกให้มาเป็นฝ่ายค้าน และไม่ขอให้ความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่นายปิยบุตร ระบุว่าให้ยอมเป็นแกะดำใน 4 ปีนี้ เพื่อให้ 4 ปีข้างหน้าจะได้คะแนนเสียงมากกว่า 20 ล้านเสียง

 

 

ส่วนการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะชัดเจนหรือไม่ว่า 8 พรรคร่วมจะส่งชื่อใครชิงนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คงต้องรอข้อสรุปก่อน เพราะถ้าเราไม่ชัดเจน เมื่อถึงวันที่ 19 ก.ค. อีกฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะเสนอคู่แข่ง และเดินเข้าไปไปสู่กับดักตรงนั้น เท่ากับเรายอมรับความพ่ายแพ้ เราเอาความหวังของประชาชน 25 ล้านเสียง ไปทลายอยู่ตรงนั้น เชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้

 

 

เมื่อถามว่า 25 ล้านเสียงของประชาชน เป็นฉันทามติ ให้ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นฉันทามติเพื่อให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นายพิธาเป็นหัวหน้าพรรคอันดับหนึ่ง เป็นผู้รวบรวมได้ 312 เสียง และในเชิงสัญลักษณ์ ประชาชน 14 ล้านเสียง สนับสนุนเขา และ 27 ล้านเสียง ที่รวมตัวแทนประชาชนที่เลือกเข้ามา นั่นหมายความว่า ประชาชนเลือกนายพิธา

 

 

ส่วนที่มีการพูดกันว่า ถ้ามีก้าวไกลยังไง ส.ว. ก็ไม่เลือก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เท่าที่รู้เป็นเพียงความคิดเห็นของ ส.ว. บางคน พร้อมปฏิเสธไม่ทราบกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยไปดิว ส.ว.ได้ประมาณ 40 เสียง

 

 

เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีทางไปต่อหรือเป็นทางตันสำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มันไม่มีทางตัน ประเทศชาติต้องมีนายกรัฐมนตรี ต้องมีรัฐบาล ประชาชนต้องมีโอกาส ตนเองเชื่อว่า ทุกฝ่ายไม่ปิดทางตันให้กับประเทศ และประชาชน ส่วนจะมีแนวโน้มในการพูดคุยกับส.ส. ขั้วรัฐบาลเดิมหรือไม่นั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจากการประชุมเมื่อวานเป็นเหตุ นำเข้าแห่งการพูดคุย เพราะเรามุ่งหวังเสียง 376 เสียง เป็นรัฐบาลของประชาชน และอะไรที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไปไม่ถึงก็ต้องนำมาวิเคราะห์พูดคุย ว่าจะแก้เหตุตรงนั้นได้อย่างไร

 

 

ส่วนพรรคก้าวไกลไม่ลดเพดานแก้มาตรา 112 และจะเสนอแก้มาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. นพ.ชลน่าน ระบุว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ประกาศชัดเจนเป็นนโยบาย ดังนั้นเขาต้องมีจุดยืนในตรงนี้ เราต้องเคารพสิทธิเสรีภาพในการดำเนินการนโยบาย เราคงไม่ก้าวล่วง ที่จะขอให้เค้าลดหรือไม่ลดอย่างไร ส่วนเรื่องแก้มาตรา 272 นั้นยังไม่ได้พูดคุย ซึ่งต้องมาพูดคุยหาแนวทางร่วมกันอย่างไร และคงต้องไปถาม ส.ว. ว่าเรื่องนี้จะยิงจะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้หรือไม่ เพราะอาจจะมี ส.ว. บางคน ที่สบายใจก็ได้ เพราะมีช่องทางที่จะปลดเขาออกจากพันธนาการ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube