ต่อให้โลกจะหมุนสักเท่าไร เธอยังคงสดใส อ่อนหวานเหมือนเคย ต่อให้ใครจะสวยแค่ไหน รู้ไหมว่าฉันเฉย ๆ ~ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะผ่านไปทางไหน ทุกคนก็คงจะได้ยินเพลงเหมือนเคย ของบอย โกสิยพงษ์ ที่ถูกนำมาเปิดฟังอยู่บ่อยครั้ง แม้จะเป็นเพลงที่ปล่อยมาหลายปีแล้วก็ตาม
นั่นเพราะบทเพลงดังกล่าวถูกนำไปเป็นเพลงประกอบหนังรักสุดอินดี้อย่าง Long Live Love ที่เข้าฉายไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนที่ได้ดูหนังติดหูกันไปตาม ๆ กัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจของตัวหนังนอกจากเนื้อเรื่องและนักแสดงแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือ “อาการ” ที่พระเอกของเราเป็น อย่างอาการความจำเสื่อมชั่วขณะ ซึ่งเป็นโรคที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ในวันนี้เราจึงจะมาพูดถึงเรื่องความจำเสื่อมชั่วขณะ หรือชื่อจริง ๆ คือ “โรคความจำเสื่อมชั่วคราว”
แต่ถ้าจะมาพูดถึงแค่เรื่องของโรค มันก็คงจะน่าเบื่อเกินไปหน่อย เราจึงจะหยิบเอาหนังเรื่อง Long Live Love ขึ้นมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อทำให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถเอนจอยไปกับหนังได้ด้วย ที่สำคัญคือไม่ต้องกังวล เพราะจะไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องแน่นอน
โรคความจำเสื่อมชั่วคราว
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของโรค เราจะมาทำการทบทวนเรื่องย่อของหนังกันก่อน Long Live Love เป็นเรื่องราวของ “เมตตา” (ชมพู่ อารยา) แฟนสาวผู้กำลังหมดเมตตา เตรียมบอกลา “สติ” (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) แฟนหนุ่มไร้สติ เพราะดันความจำเสื่อม และ “นะโม” (เบคกี้ รีเบคก้า) ลูกสาวที่แทบจะท่องนะโมให้ตัวเองวันละ 3 จบ เพราะต้องพบกับความวุ่นวายของพ่อแม่ตลอดมา นี่คือหนังรักที่ชวนทุกคนร่วมย้อนความทรงจำความรักผ่านรูปถ่าย เพื่อกลับไปพบกับจุดเริ่มต้นของความรัก หรือ เลิกรัก
ซึ่งถ้าใครได้ดูตัวอย่างมาแล้วก็น่าจะพอจำกันได้ว่าพระเอกของเราเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ความจำเสื่อม ซึ่งนี่แหละคือจุดที่น่าสนใจ
สำหรับอาการนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ Transient Global Amnesia หรือ TGA ส่วนชื่อภาษาไทยก็คือ โรคความจำเสื่อมชั่วคราว
โดยลักษณะของอาการจะเป็นการที่ผู้ป่วยสูญเสียความทรงจำชั่วคราว โดยเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะมีการถามซ้ำ ๆ ว่า มาทำอะไร ใครเป็นใคร อยู่ที่ไหน วันนี้วันอะไร และเมื่อบอกไปแล้วก็ยังจำไม่ได้ จึงถามซ้ำอยู่อย่างนั้น
ซึ่งสาเหตุอาจมีผลจากการทำกิจกรรมบางอย่าง ความเครียด หรือกระทั่งอาการบาดเจ็บ ซึ่งในตัวหนังก็จะเห็นว่าพระเอกของเราอย่าง “สติ” ซึ่งรับบทโดยซันนี่ เกิดอุบัติเหตุจนทำให้สูญเสียความทรงจำไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจะยังไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร สามารถจำอัตลักษณ์ของตัวเองได้ พฤติกรรม ความรู้ รวมถึงความสามารถอื่น ๆ ก็ยังเป็นปกติดีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงสามารถใช้ชีวิตได้แบบปกติ ซึ่งในหนังก็จะเห็นว่าสติยังคงสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เพียงแต่จำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้เท่านั้นเอง
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือทุกครั้งที่สติได้ความทรงจำกลับมา ความคิดความอ่านเขากลับแตกต่างจากตอนที่ความทรงจำนั้นเกิดขึ้นครั้งแรก หมายความว่าเขาได้รู้สึกผิด และต้องการแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น
ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไปที่เมื่อได้ความทรงจำกลับมา ก็อาจจะละเลยถึงเรื่องนี้ไป แต่ตัวละครสติกลับรู้สึกแย่กับตัวเอง และยอมรับการกระทำของตัวเองในอดีตไม่ได้ เขารู้สึกผิดทั้งต่อตัวเอง และคนรอบข้าง ซึ่งในความเป็นจริง ผู้ป่วยที่ได้ความทรงจำกลับมา อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เกิดความรู้สึกแบบนี้ก็ได้
แนวทางการรักษา
ถ้าใครที่ได้รับชมตัวอย่างของหนังกันไปแล้ว หรือได้อ่านเรื่องย่อของหนังคร่าว ๆ ก็น่าจะพอจำกันได้ว่าสติจะต้องใช้วิธีการถ่ายรูป เพื่อทำให้ความทรงจำย้อนกลับมา เนื่องจากตัวของสติทำอาชีพเป็นช่างภาพ ทำให้เขามีความผูกพันธ์กับภาพถ่ายแต่ละภาพเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น นั่นเพราะผู้ป่วยที่มีภาวะ TGA อาจไม่จำเป็นต้องทำการรักษา เนื่องจากตามปกติอาการจะสามารถหายไปเองได้ และจะไม่เกิดผลกระทบย้อนหลังแต่อย่างใด
แต่เพื่อความชัวร์ ผู้ป่วยก็ควรจะพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและติดตามผลอย่างน้อย 1 ครั้ง นอกเหนือจากนั้นก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาจระมัดระวังกิจกรรมบางอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดอาการขึ้นอีก
แนวทางในการป้องกัน
สำหรับแนวทางของการป้องกัน เนื่องจากสาเหตุของ TGA ยังไม่แน่ชัด จึงยังไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจน ดังนั้น สิ่งที่ยังพอจะทำได้ คือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่อันตราย หรือหนักเกินไป รู้จักจัดการกับความเครียด รวมถึงระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เมาแล้วก็ไม่ควรขับรถอย่างตัวละครสติ เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
พูดถึงหนังกันสักนิด
สำหรับตัวหนัง ไม่ใช่แค่เพลงประกอบที่ติดหูเท่านั้น แต่ตัวละคร บทบาท ตลอดจนเนื้อเรื่องสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการแสดงของนักแสดงนำอย่างซันนี่ และ ชมพู่ ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งทำให้ผู้ชมอินไปกับตัวละครยิ่งขึ้นไปอีก
รวมถึงนักแสดงสมทบอย่างเบคกี้ รีเบคก้า ก็สามารถแสดงออกมาได้น่ารักจนหนุ่ม ๆ ถูกตกกันเป็นแถบ ปีเตอร์ นพชัย ก็แสดงเป็นเพื่อนสุดกวนได้แบบสมจริงสุด ๆ จนทำให้หลายคนหมั่นไส้ นั่นยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก
ตัวหนังยังมีการสะท้อนถึงความสัมพันธ์ ที่ในตอนแรกอาจจะเริ่มต้นอย่างสวยงาม ก่อนที่จะค่อย ๆ จืดจางลงตามกาลเวลา มีแง่คิดสะท้อนให้ผู้ชมมากมาย และยังมีฉากดราม่าเข้มข้นเรียกน้ำตาอีกด้วย
ในภาพรวม หนังเรื่องนี้สามารถทำออกมาได้ดี และเป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด จนหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าใครไปดูจะรักแฟนมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
สรุปส่งท้าย
ก็จบลงไปแล้วกับเรื่องราวของโรคความจำเสื่อมชั่วคราว ดูผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับเราขึ้นมา เราก็คงจะขำไม่ออกแน่ ๆ เพราะการจำคนที่เรารักไม่ได้ หรือจำเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในชีวิตไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องที่แย่น่าดู
ดังนั้น เราจึงควรใช้ชีวิตอย่างมี “สติ” ไม่เหมือนตัวละครสติในเรื่อง อะไรที่รู้ว่าไม่ถูกไม่ควร ก็แก้ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะถ้าถึงจุดหนึ่งที่เราไม่สามารถแก้อะไรได้แล้ว เราอาจจะต้องมานั่งเสียใจภายหลังก็ได้
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะฝากหนังเรื่อง Long Live Love เอาไว้ด้วย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
