“เศรษฐา” เข้าพรรคคุยทิศทางโหวต 27 ก.ค.นี้ ยังไม่รู้เสนอชื่อตัวเองเป็นนายกฯ บอกเลือกครั้งต่อไปต้องคิดให้ดีเจรจาเหมาะสม ชี้ต้องไม่มีเรื่องม.112 ปัดตอบดัน “ก้าวไกล” เป็นฝ่ายค้าน
นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนการประชุมพรรคเพื่อไทยในช่วงบ่ายวันนี้ว่า วันนี้ตนจะมาคุยเรื่องทิศทางการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ยังไม่ทราบว่าจะมีการเสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องขอเข้าประชุมก่อน โดยการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะมีพรรคก้าวไกลอยู่หรือไม่ต้องให้ตัวแทนคณะเจรจาไปคุยแต่อาจจะเป็นไปในทิศทางนั้น คงต้องพูดคุยกัน ปัจจุบันเรามีข้อตกลงร่วมของ 8 พรรคอยู่ ต้องให้เกียรติ 8 พรรคที่ร่วมเจตนารมณ์กันมา ขอเวลานิดหนึ่ง
“สำหรับรายชื่อที่ถูกเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกของพรรคเพื่อไทย มี 3 ชื่อ มีชื่อของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติศิริ ต้องรอให้คณะกรรมการบริหารพรรคเคาะก่อน ทั้งนี้ยังมีแคนดิเดตนายกอีกหลายท่านจากหลายพรรคการเมืองซึ่งมีความพร้อมเหมือนกัน ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลความสัมพันธ์กับ 8 พรรคร่วมจะยังเหนียวแน่นอยู่เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้ เชื่อว่าจะมีการเจรจาในเร็ววันนี้ ไม่เย็นวันนี้ก็พรุ่งนี้ (21 ก.ค.66) คงจะมีแนวทางต่อไป”
เมื่อถามว่าการผลักดันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีถึงที่สุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ฟังดูทางกฎหมายน่าจะเป็นอย่างนั้น
เมื่อถามต่อว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีกลายเป็นบรรทัดฐานว่าหนึ่งแคนดิเดตสามารถโหวตได้หนึ่งครั้ง การที่จะมีชื่อนายเศรษฐาและยังมีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมอยู่จะส่งผลดีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การโหวตครั้งเดียวถือเป็นบรรทัดฐานอย่างหนึ่งการเสนอชื่อครั้งต่อไปต้องคิดให้ดีเจรจาให้เหมาะสม
เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไรให้กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่เป็นปัญหา นายเศรษฐา กล่าวชัดเจนว่า หากพรรคจะเสนอนายกรัฐมนตรี ครั้งต่อไป มาตรา112 ต้องไม่อยู่ในการแก้ไขหรือยกเลิก ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้การสนับสนุนจากพรรคการเมืองและส.ว. เป็นเรื่องพื้นฐานทางคณิตศาสตร์นับดูก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้มาตรา 112 ไม่อยู่ในเงื่อนไขการโหวตเลือกนายกและเข้าใจพรรคก้าวไกลมากที่สุด นายเศรษฐากล่าวว่า คงตอบแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้แต่ทางพรรคเพื่อไทยจะต้องมีการพูดคุยกัน หากเราเป็นแกนนำเรื่องนี้จะต้องหยุดลงไป
ส่วนการจะได้เสียงสนับสนุนเพิ่มจากพรรคการเมืองอื่นตนมองว่าเป็นเรื่องที่ล้ำหน้า เพราะ 8 พรรคปัจจุบันมีเสียงเยอะอยู่แล้ว ต้องพูดคุยอีกครั้งว่าจะตกลงกันอย่างไร หากคณะกรรมการบริหารมีมติอย่างไรตนเองก็จะเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า ส.ว.250 เสียงเป็นภาคส่วนสำคัญในการโหวตเลือกนายก ส่วนตัวรู้จักส.ว.เพียง1-2คน เชื่อว่าเราตกลงในหลักการได้ พูดคุยกันรู้เรื่องก็จะได้รับเสียงสนับสนุนที่ดีจากส.ว. เราอย่าเพิ่งข้ามขั้นเพราะยังผูกมัดกับ MOU อยู่ อยู่ระหว่างพูดคุยกับคณะเจรจา
เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรกับเกณฑ์บีบให้พรรคเพื่อไทยต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า หากต้องตอบคำถามนี้ก็ต้องคิดอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นโจทย์ที่ซับซ้อน ต้องให้คณะกรรมการบริหารพรรคและคณะเจรจาเป็นผู้ตัดสินใจ ตนเองในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องเตรียมพร้อมเรื่องเศรษฐกิจ มองว่าต้องใจเย็นๆการเปลี่ยนแปลง ข้ามขั้วหรือเอาพรรคอื่นมาเสริมต้องให้เกียรติผู้ที่ได้รับหมายไปเจรจา ยังมีเวลาอีกหลายวันจนกว่าจะถึงวันที่ 27 ก.ค. ตนเผยว่าผลการโหวตเมื่อวานน่าผิดหวังแต่ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไป
ส่วนสูตรที่จะดันพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย จะมีพรรคก้าวไกลจนสุดทางหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อยู่ที่ว่าสุดทางคืออะไร การที่พรรคก้าวไกล ไม่สามารถส่งชื่อนายกรัฐมนตรีได้แล้วคือสุดทางหรือยัง หากสุดทางแล้วต้องพิจารณาว่าพรรคอันดับสองจะได้รับการมอบหมายหรือไม่ อยากให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเรายังร่วมอุดมการณ์กัน ทั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า
เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องผลักพรรคก้าวไกลออกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นคณิตศาสตร์เบื้องต้นลองนับดูแล้วกัน อย่าให้ตนเองต้องตอบคำถามนี้เลย ส่วน 8 พรรคร่วมจะโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ขอไม่ก้าวล่วง ให้ไปตกลงกัน ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าจะเห็นด้วยกับการโหวตให้ตนเองหรือไม่มองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews