The Fast & The Furious Tokyo Drift เรียกได้ว่าหากใครเป็นคนที่ชอบรถสวยๆ หนังเรื่องนี้ย่อมอยู่ใน Top Tier หนังแข่งรถในดวงใจคุณแน่นอน แม้จะมีการเดินทางมาแล้วถึงภาคที่ 10 แต่ทำไมภาคนี้กลับยังได้รับการพูดถึงอยู่ในปัจจุบัน วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบใน The Fast & The Furious Tokyo Drift จากภาคที่ไม่มีใครชอบ สู่ภาคที่มีแต่คนรัก
The Fast & The Furious : Tokyo Drift ภาคที่ 3 ของแฟรนไชส์รถซิ่ง โจรกรรม และวงการใต้ดิน โดยมีตัวเอกเป็น ฌอน บอสเวลล์ (รับบทโดย ลูคัส แบล็ก) เด็กหนุ่มหัวรั้นยอมหักไม่ยอมงอ ที่ถูกแม่ส่งมาดัดสันดานกับพ่อที่ญี่ปุ่น แต่ต้องมาพัวพันกับวงการมาเฟีย ทำให้เขาต้องใช้ความเร็วในการแก้ปัญหาอีกครั้ง
หนังเรื่องนี้ก็แทบเป็นสูตรสำเร็จของหนังคนสู้ชีวิตกับความเร็ว ที่แทบจะเดาตอนจบของเรื่องได้ว่าจะออกมาทิศทางไหน แต่เรื่องนี้กลับมีเสน่ห์หลายๆอย่าง เพราะเนื้อหาไม่ได้แบนราบขนาดนั้น และนำเสนอวัฒนธรรมญี่ปุ่นออกมาได้อย่างน่าสนใจ กลายเป็นภาคที่อาจไม่ถูกใจนักวิจารย์ แต่กลับมีแต่คนรัก
“แล้วทำไมภาคนี้ถึงไปอยู่ในใจใครหลายคนได้ล่ะ?”
ตัวละครที่มีมิติ
ณอน บอสเวลล์ ตัวเอกของเรื่องที่ต้องมาใช้ชีวิตในแดนอาทิตย์อุทัย ชาวต่างชาติที่ต้องปรับตัวเรียนรู้ไปกับวัฒนธรรมต่างๆที่เขาไม่คุ้นเคย ได้พบเจอกับมิตรและศัตรูที่เข้ามาหาเขา(บางครั้งก็แกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียมากกว่า) แต่ด้วยความที่เนื้อเรื่องนำเสนอให้ตัวเอกเป็นเด็กมัธยมปลาย ความเฮฮาของเด็กวัยคะนองจึงเหมือนเป็นสีสันอีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ พร้อมกับมุกตลกที่สอดแทรกในแต่ละช่วงได้อย่างพอเหมาพอเจาะ
ทวิงกี้ ตัวละครที่พาตัวเอกของเรื่องเข้าสู่โลกขาซิ่งญี่ปุ่น ด้วยความที่เป็นคนต่างถิ่นเหมือนกันเขาจึงเป็นเพื่อนคนแรกของฌอน เป็นคนที่ช่วยเหลือในยามลำบาก อีกทั้งยังเป็นพ่อค้าขายของสารพัดสิ่ง ช่วยเพิ่มเสียงหัวเราะของเรื่องให้ดูสนุกมากขึ้น
ฮาน การปรากฎตัวครั้งแรกของเขาในจักรวาลความแรง เป็นลูกพี่ที่คอยช่วยเหลือพระเอกอีกคนหนึ่ง ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าพี่แกภาคนี้ไม่รู้จะเท่ห์ไปไหน มาดของคนพูดน้อยต่อยหนัก ใจถึงพึ่งได้ พร้อมกับรถคู่ใจ Mazda RX-7 สีส้มตัดดำที่ดึงดูดทุกสายตา ขอบอกเลยว่าเท่ห์สุดใจ กลายเป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในแฟรนไชส์ Fast & Furious
เนื้อหาย่อยง่ายจับต้องได้
ด้วยความที่ภาคนี้สเกลของตัวละครยังเป็นเด็กหนุ่มมัธยมปลาย พร้อมเนื้อหาย่อยง่ายไม่ได้มีความซับซ้อน ระเบิดภูเขา ซิ่งเข้าอวกาศแบบภาคใหม่ๆ มันเลยดูเข้าถึงง่าย เพียงแค่ซิ่งรถไปบนท้องถนน ที่ต้องตัดสินกันด้วยเทคนิคและความเร็ว แถมฉากซิ่งรถต่างๆ ก็ยังทำได้ดูสมจริง และตื่นเต้นอีกต่างหาก ทำเอาผู้ชมลุ้นตัวโก่ง และสนุกไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ภาคของการแข่งรถ
ภาค Tokyo Drift เป็นหนังภาคเดียวของแฟรนไชส์ ที่เน้นเรื่องการแข่งรถจริงๆ ไม่ได้เป็นหนังโจรกรรมที่มีพื้นหลังเป็นฉากซิ่งรถแบบภาคอื่นๆ
หัวใจหลักของภาคนี้ไม่ได้ใช้เพียงแค่ความเร็วเท่านั้น แต่จะใช้การ“ดริฟต์”เทคนิคการเข้าโค้งที่ปล่อยล้อหมุนบดไปกับพื้นถนน พ่นควันโพยพุ่งออกมา ขับรถแทรกตัวผ่านช่องแคบๆ แบบไร้รอยขีดข่วน ต่างจากภาคอื่นที่แข่งเป็นทางตรงใช้ความแรงของเครื่องยนต์เป็นหลัก แต่การดริฟต์ต้องอาศัยทักษะและเทคนิคของผู้ขับออกมา
นี่จึงเป็นเสน่ห์ของหนังที่เป็นจุดเด่นสุด ๆ ของภาคนี้ และสิ่งที่น่าสนใจคือหนังพยายามชี้ให้เห็นความพยายามในการฝึกฝนเพื่อพัฒนาการดริฟต์ จากมือใหม่หัดดริฟต์กลายเป็น Drift King ให้ได้
รถสวยปลุกกระแส JDM
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคนี้เป็นภาคที่มีรถสวยๆแต่งซิ่งออกมาให้เห็นอยู่เต็มไปหมด แถมกระแสรถ JDM(รถซิ่งจากญี่ปุ่น)กำลังมาแรงในปัจจุบัน และรถที่ปรากฎในเรื่องหลายๆคันก็กลายเป็น Iconic ในตำนานความเร็วเพราะหนังเรื่องนี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
Mazda RX-7
Nissan 350z
Mitsubishi Lancer Evolution IX
Soundtrack ยอดเยี่ยม
“I wonder if you know how they live in Tokyo” ผลงานเพลงจาก Teriyaki Boyz บอกเลยว่าเพลงนี้ฟังแล้วอยากโยกหัวส่ายเอวขั้นสุด แม้เวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนซาวด์นี้ก็ยังฟังดูใหม่อยู่เสมอ และยังมีอีกหลายๆ Soundtrack ที่ฟังแล้วมันช่างเข้ากับฉากนั้นซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะฉากแข่งรถ หรือฉากโชว์รถสวยๆ ซาวด์ในเรื่องนี้ก็เป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้มีอารมณ์ร่วมกับหนังมากขึ้น
End Credit สุดประทับใจ
ฉาก End Credit ภาคนี้ก็ทำได้อย่างดีเยี่ยมกับการเอา โดมินิค โทเรตโต (รับบทโดย วิน ดีเซล) ตัวละครหลักจากภาคแรกกลับมาปรากฎตัว เชื่อมจักรวาลภาค Tokyo Drift เข้ากับเฟรนไชส์ซึ่งฉากนี้พี่ดอมแกเองก็เท่ห์มากๆ แถมเพลงประกอบฉากก็ติดหูสุดๆ
แม้จะเป็นภาคที่ไม่มีนักแสดงหลักจาก 2 ภาคแรก ทำให้ภาคนี้กลายเป็นภาคที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้น้อยที่สุด ทำเงินไป 157 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้าง 62.3 ล้านเหรียญฯ แต่ยอดขายจากแผ่นซีดี และกระแสตอบรับจากแฟนๆก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจทำให้แฟรนไชส์เรื่องนี้ได้ไปต่อ กลายเป็นภาคที่มีคนพูดถึงมากมาย แม้เวลาจะผ่านไปมากกว่า 17 ปีแล้วก็ตาม
ก่อนจากไปขอฝากเพลง End Credit ของพี่ดอมเค้าสักหน่อยแล้วกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews