Home
|
ข่าว

ผู้ตรวจฯ ประชุมด่วนคาดพิจารณาคำร้องเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำไม่ได้

Featured Image
ผู้ตรวจฯ ประชุมด่วน คาดพิจารณาคำร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความมติรัฐสภา เสนอชื่อ “พิธา” โหวตนายกฯ ซ้ำไม่ได้

 

 

 

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้นัดประชุมด่วนในช่วงเช้าวันนี้ ( 24 ก.ค.) เพื่อหารือวาระที่สำคัญ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคำร้องของ 2 นักวิชาการ ที่ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการลงมติของที่ประชุมรัฐสภาว่า การเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นการเสนอญัตติซ้ำ หลังนายพรชัย เทพปัญญา นักวิชาการอิสระ และนายบุญส่ง ชเลธร อาจารย์คณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 เข้าชื่อเพื่อขอให้เสนอเรื่อง พร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัย ว่าการที่ที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค.มีมติว่าการเสนอชื่อนายพิธา

 

 

เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาลงมติเป็นนายกรัฐมนตรี ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อที่ 41 เป็นการเสนอญัตติซ้ำนั้น เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้หรือไม่ และหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ก็ขอให้มีคำสั่งไปยังที่ประชุมรัฐสภาให้ยุติการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

 

 

โดยคำร้องของนักวิชาการทั้ง 2 ระบุว่า การลงมติของที่ประชุมรัฐสภา ว่าไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ เนื่องจากเป็นการเสนอญัตติซ้ำ โดยอ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 มองว่ารัฐธรรมนูญกำหนดการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการเฉพาะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 และตราบใดที่กระบวนการเลือกเลือกนายกฯยังไม่เสร็จสิ้น ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีย่อมสามารถถูกเสนอชื่อได้เรื่อยๆ ดังนั้นมติที่ประชุมรัฐสภาจึงเท่ากับรัฐธรรมนูญถูกละเมิด โดยข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 หรือไม่ จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

 

 

ทั้งนี้ในเวลาประมาณ 14.30 น. ผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการแถลงผลการประชุม สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้นัดลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube