กรมบัญชีกลางปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้มีสิทธิที่ติดเชื้อเอชไอวีและป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรัง เริ่ม 15 มี.ค. 64
นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ดำเนินโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวสามารถเบิกจ่ายตรงค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในสถานพยาบาลของทางราชการและสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้ ไม่เกินครั้งละ 2,000 บาท ประกอบกับในปัจจุบัน กรมบัญชีกลางได้รับทราบปัญหาข้อร้องเรียนของสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทยและเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กรณีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าไม่ถึงบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง
อีกทั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการปรับอัตราการจ่ายเงินชดเชยค่าบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นด้วย ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาล และสอดคล้องกับสิทธิของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมบัญชีกลางจึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (ฉบับที่ 2) โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ซึ่งได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ทำการรักษาว่าเป็นผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีและมีความจำเป็นต้องล้างไต ให้มีสิทธิได้รับค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่สถานพยาบาลของทางราชการและสถานพยาบาลเอกชน ครั้งละไม่เกิน 4,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ติดเชื้อเอชไอวีและป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรัง ให้สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งเพื่อให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง
โดยหลักเกณฑ์ฉบับดังกล่าว จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news