Home
|
ข่าว

ศาลรัฐธรรมนูญชี้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขรธน.ได้

Featured Image
ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ รัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ แต่ต้องทำประชามติ ถามประชาชนก่อน

ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมพิจารณาคำร้องที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมกับนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ที่ยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้สภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256(1) ของรัฐสภา เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ การพิจารณาคำร้องดังกล่าว จะไม่มีการออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย เป็นเพียงการประชุมภายในเท่านั้น โดยล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก วินิจฉัยว่า รัฐสภามีอำนาจหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง ดังนั้น กระบวนการโหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก็เดินหน้าต่อไปได้ บรรยากาศหน้าศาล รธน.เรียบร้อย

 

“ชวน” ชี้ความเห็นไม่ตรงกัน ยังรอรายละเอียดคำวินิจฉัย ศาล รธน. ยันเดินหน้าโหวตวาระ3ต่อ

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุรัฐสภาจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องทำประชามติก่อน ว่า เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ส่งคำวินิจฉัยมาให้เพียง 4-5 บรรทัด ซึ่งขณะนี้ ความเห็นก็ยังไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่นัก ยังคงตีความกันอยู่ ดังนั้น จึงต้องรอรายละเอียดของคำวินิจฉัยก่อน อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งบรรจุระเบียบวาระก่อนที่ศาลมีคำวินิจฉัยออกมา

ทั้งนี้ เมื่อถามย้ำว่า การโหวตรัฐธรรมนูญวาระสอง ที่ผ่านไปแล้วนั้น เป็นโมฆะหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่เป็น เพราะวาระสองผ่านไปโดยเรียบร้อย ระเบียบวาระไม่ได้มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตาม วาระสองที่ผ่านไปแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนวาระสาม ที่จะโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบนั้น เป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ว่าโหวตผ่านวาระสองแล้วให้ทิ้งเวลา 15 วัน แล้วจึงโหวตวาระสาม ซึ่งขณะนี้วาระสองได้พ้น 15 วันไปแล้ว

 

 

“อนุทิน” เห็นด้วย ศาล รธน. มีมติชี้รัฐภามีอำนาจแก้ รธน.ได้ แต่ต้องทำประชามติก่อน ย้ำไม่ใช่การยื้อเวลาทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องทำประชามติสอบถามประชาชนก่อน ว่า ดี

ส่วนภูมิใจไทย เห็นตามที่ศาลมีคำวินิจฉัยด้วยหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า มีทางเลือกอื่นหรือไม่ ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาล และเคารพคำสั่งศาล ทุกอย่างจึงจะเดินหน้าไปได้

ทั้งนี้ การทำประชามติ จะยื้อเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกไปหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ อย่าไปคิดอะไรมาก ถ้ายื้อเวลาก็คงไม่ต้องบรรจุเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้ามาตั้งแต่แรก แต่นี่ทำทุกอย่างแล้ว สภาฯ ก็ทำหน้าที่ทุกอย่าง เมื่อศาลมีคำสั่งออกมาแบบนี้แล้ว ไปบอกว่ายื้อเวลาคงไม่ใช่ แบบนี้ก็หาเรื่องแล้ว

 

“ไพบูลย์” ชี้ต้องยกร่างรธน.ฉบับใหม่ ไม่ต้องตั้ง สสร. ส่วนการพิจารณาวาระ 3 ถือเป็นอันตีตกไป

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การจัดทำรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติถามประชาชนก่อน ว่า ประสงค์จะให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ว่า หากมีมติให้ทำฉบับใหม่ต้องเป็นหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการยกร่างฉบับใหม่โดยไม่ต้องตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ( ส.ส.ร.) มาทำ

ส่วนร่างรัฐธรรมนูญ ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาวาระ 3 วันที่ 17 มีนาคมนี้ ถือว่าร่างเป็นอันตกไป เพราะร่างฉบับดังกล่าวดำเนินการก่อนที่จะทำประชามติ ถามประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีผลผูกพันต่อทุกองค์กร อีกทั้งร่างฉบับดังกล่าวยังคาดต่อคำวินิจฉัย กรณีการตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สืบเนื่องจากศาลวินิจฉัยว่าเป็นหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ซึ่งตนพอใจต่อคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้จะมีทิศทางการเดินหน้าต่อ โดยสมาชิกจะมีผู้ที่แสดงความคิดเห็น ส่วนจะลงมติหรือไม่ ต้องหารือกันที่ประชุมรัฐสภา

ส่วนข้อเสนอแนะ การแก้ไขแบบรายมาตรานั้น ได้จัดทำรายงานไว้ก่อนหน้านี้ มี 12 มาตรา ที่ศึกษาในคณะกรรมาธิการศึกษาหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุด ในการหยิบยกประเด็นปัญหา ของตัวบทกฎหมายมาดำเนินการแก้ไขร่วมกัน ระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล พร้อมเสนอแนะให้รัฐสภา ตั้งกรรมาธิการร่วมกัน ส.ส.,ส.ว.,รัฐบาล ร่วมกัน เพื่อยกร่างญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา ซึ่งจะเป็นกลไกที่เป็นประโยชน์ และสอดรับกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ รัฐสภามีหน้าที่ต้องดำเนินการ

 

“สุดารัตน์” ขอสภาเลื่อนการพิจารณาร่างแก้ รธน.วาระ 3 ออกไป จี้รัฐบาลทำประชามติให้แล้วเสร็จไม่เกิน 90 วัน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทย ออกแถลงการณ์ ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำวินิจฉัย ว่า หากรัฐสภาจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องทำประชามติจากประชาชนก่อน และเมื่อทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องทำประชามติ เห็นชอบหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง นั้น

กลุ่มสร้างไทย แม้จะไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว แต่เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญและเพื่อนำพาประเทศออกจากวิกฤตทางการเมือง กลุ่มสร้างไทยจึงขอเสนอให้รัฐสภาและรัฐบาลได้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1. รัฐสภาควรเลื่อนการลงมติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระที่สามออกไปก่อน เพื่อรอการทำประชามติ
2. คณะรัฐมนตรีควรเร่งดำเนินการปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฏรและประธานวุฒิสภาเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงประชามติ
3. กลุ่มสร้างไทยเห็นว่าทางออกเดียวที่จะนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองคือการคืนอำนาจให้ประชาชนได้เป็นผู้กำหนดกติกาการอยู่ร่วมกันและกติกาทางการเมืองของประเทศนี้ใหม่

โดยการเลือกตั้ง สสร. มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐบาลจึงควรเร่งดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติโดยเร็ว และทำให้แล้วเสร็จได้ภายใน ไม่เกิน 90 วัน ตามกฎหมายประชามติ ที่ยังมีผลบังคับใ ช้เพื่อให้ปัญหาทางการเมืองของประเทศได้รับการคลี่คลาย ไปในทิศทางที่ดีต่อไป

 

“ชินวรณ์” เชื่อ สภาฯ เดินชอบวาระ 3 เพื่อทำประชามติก่อนจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ย้ำการเดินหน้ารัฐธรรมนูญคือการเดินหน้าประเทศ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้เสนอร่างและรองประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขร่างรัฐธรรมสูญ ขอชื่นชมต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เดินหน้าไปได้ และทำให้เพื่อนสมาชิกรัฐสภาส่วนหนึ่ง มีความมั่นใจคลายความสงสัยในการที่จะลงมติให้ความเห็นชอบในวาระ 3 ในวันที่ 17 มีนาคม 2564 ที่จะถึงนี้

โดยส่วนตัว เห็นว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. …. จะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และไปดำเนินการจัดทำประชามติขอความเห็นชอบในการแก้ไขเพิ่มเติมคราวนี้ และทำประชามติก่อนที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไปพร้อมกัน เพื่อให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนในคราวเดียวกัน

และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือได้ว่า สอดคล้องกับสาระสำคัญ ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องพิจารณาที่ 4/2564 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2564

นายชินวรณ์ ย้ำด้วยความมั่นใจ ว่า การเดินหน้ารัฐธรรมนูญ คือ การเดินหน้าประเทศ จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันขับเคลื่อนให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เห็นพ้องต้องกันยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรม เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริงต่อไป

 

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube