จับสัญญาณการเมืองไทย บนสมการจัดตั้งรัฐบาล หลังมีข่าวว่า สส.40 คนของ “พลังประชารัฐ” พร้อมโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสามารถเดินหน้าไปได้ และยังมีโอกาสที่จะเห็น 36 เสียงจาก “รวมไทยสร้างชาติ” เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติมอีกด้วย
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ มองว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ประเมินว่าทาง ส.ว.มีโอกาสที่จะลงมติเห็นชอบในกรณีนี้ด้วยเช่นกัน และเชื่อว่าเมื่อถึงปลายทางแล้ว คาดมีโอกาสเห็นสส.จากพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วมสร้างเสริมเสถียรภาพให้กับรัฐบาลใหม่เพื่อเพิ่มเสี่ยงให้เกิน 300 ที่นั่งได้
ทั้งนี้ มีข้อแม้สำหรับกรณีนี้ว่า จะต้องไม่มีการติดขัดของกลไกในสภาหรือเกิดความวุ่นวายใดๆนอกสภาจนสงผลให้เกิดความล่าช้าหรือความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง หากเป็นไปตามนี้ทั้งหมด คาดว่าภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เราอาจเห็นหน้าตานายกฯและครม.ชุดใหม่
สอดรับกับนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป ระบุว่า บนสมการดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยรวมเสียงได้แล้ว 278 เสียง คือ จากเดิม 238 เสียง บวกกับพลังประชารัฐ 40 เสียง ซึ่งความชัดเจนดังกล่าว จะสร้าง Sentiment เชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทย และเป็นสัญญาณการก้าวออกจากภาพสุญญากาศทางการเมือง
ดังนั้นเมื่อความชัดเจนทางการเมืองเกิดขึ้นสัปดาห์หน้า ทั้งการฟอร์มรัฐบาล บวกกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันที่ 16 สิงหาคม ว่าจะรับคำร้องกรณีญัตติเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าหากไม่มีปัญหาใดๆ การโหวตนายกฯ ทางฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ มองว่า น่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
ดังนั้นเมื่อพรรค 2 ลุง คือ “พลังประชารัฐ” และ “รวมไทยสร้างชาติ” ถ้าเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล “เพื่อไทย” ภาพใหญ่ของการโหวตนายกรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับ “นายไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน โดย “นายไพบูลย์” กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมนี้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ซึ่งการที่พรรค 2 ลุงเข้ามาร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ก็อาจจะมีแรงกระเพื่อมจากคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนก็ต้องยอมรับ เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมี ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน ส.ว.ก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการนายกรัฐมนตรีแบบไหน ดังนั้นการที่มีพรรค 2 ลุงเข้ามาช่วยในเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ณ เวลานี้
ด้านหอการค้าไทยประเมินว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเดือนสิงหาคม หรือกันยายนนี้ และรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ ก็คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ หลังจากเดือนกรกฎาคมปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน
และนี่ก็เป็นความเคลื่อนไหนทางการเมืองที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลใหม่ ซึ่งจากนี้ต่อไปจะต้องติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งได้หรือไม่ เพราะหากพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเชิญพรรคพลังประชารัฐ, รวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล จนทำให้จำนวนสส.ของรัฐบาลในสภาล่างขึ้นมายืนเหนือ300 คนขึ้นไป
ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทยจะต้องอธิบายกับกลุ่มที่สนับสนุนพรรคและที่อยู่ฝั่งเสรีนิยมให้ได้ ดังนั้นทุกการขยับ ทุกการขับเคลื่อนของพรรคการเมือง ย่อมหมายถึงความเชื่อมั่นที่จะเชื่อมโยงต่อเศรษฐกิจไทยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews