จาก 14 พ.ค. ถึงวันนี้ 14 สิงหาคม ก็ 3 เดือนเต็ม กว่า 90 วันแล้ว ที่มีการเลือกตั้ง และมีผู้ชนะเป็นก้าวไกล รวมเสียงข้างมากได้ถึง 312 ส.ส.
แต่ด้วยกลไกที่ซับซ้อน และเต็มไปด้วยกับดักมากมายไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไม่ผ่านด่าน ส.ว.ในครั้งแรก และไปต่อก็ไม่ได้ เพราะถูกยกข้อบังคับมาสกัดในรอบ 2 จนต้องส่งตีความ แถมยังถูกแขวนด้วยข้อหาหุ้นสื่อ ขาดคุณสมบัติ ส.ส.ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด โอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจึงถูกส่งไปยังเพื่อไทย แต่ภายใต้กติกาที่ไม่เป็นธรรม และจุดยืนที่แข็งกร้าวของ “ก้าวไกล” จึงไม่สามารถไปต่อด้วยกันได้ เพื่อไทยที่เจนจัดเกมการเมือง
จึงฉีก MOU 8 พรรคทิ้ง พลิกขั้ว กลายเป็นเพื่อไทยการละคร เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่กับกลุ่มอำนาจเก่า ทั้งภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ รวมถึงอาจมี รวมไทยสร้างชาติด้วย รวมๆแล้วประมาณ 314 เสียงเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีรอบใหม่ ที่จะมีขึ้น 22 ส.ค.นี้ โดยชื่อแคนดิเดตแรก จะเป็น “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ถูก”ชูวิทย์” แฉครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อทดสอบเสียง ส.ว.อีกครั้ง ภายใต้พันธมิตรใหม่ 11 พรรค หากไม่มีอะไรผิดพลาด
สัปดาห์หน้า ก็จะมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เว้นแต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องมติรัฐสภาที่สกัด “พิธา” รอบ 2 จะเป็นคุณกับก้าวไกล ขั้วการเมืองก็อาจพลิกกลับอีกครั้ง และเวลาในการโหวตนายกฯก็อาจทอดยาวออกไปอีก
การตั้งรัฐบาลของไทยก็จะล่าช้าออกไป เกือบเทียบเท่าสถิติในระโลกเลยทีเดียว
จะเเห็นได้ว่า สถิติโลก ระยะเวลาการตั้งรัฐบาล ในอันดับ ที่ 5 กับ ระยะวลาที่ทอดยาวมาถึง 3 เดือนแล้วนั้น ของไทยเริ่มใกล้เคียงกันแล้ว หากการระดมเสียงแบบยอมเสี่ยงขาดทุนย่อยยับ
เพราะสับปรับ กลับกรอก เสียสัตย์ เสียคำพูดของเพื่อไทย ครั้งนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ ก็อาจเป็นไปได้ว่า ไทยกำลังขยับเข้าใกล้ การเป็นเจ้าของสถิติโลกอันดับ 5 จัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งได้ช้าที่สุดนั่นเอง
แม้ส่วนตัวจะไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นเจ้าของสถิติที่ย่ำแย่แบบนี้ แต่ด้วยกลไก และกติกา หรือลูกเล่นทางการเมืองที่วางหมากซ่อนกลอยู่นั้น ยากจะคาดเดาว่าการโหวตครั้งแรกของเพื่อไทยจะสำเร็จหรือไม่
ส.ว.จะไว้วางใจ “เศรษฐา”แค่ไหน อีกทั้งการเข้าร่วม หรือการประกาศยอมโหวตให้แบบไม่มีเงื่อนไขของพลังประชารัฐ ก็ช่างน่าสงสัยเหลือเกิน ว่ามีเกมอะไรซ่อนอยู่ เพราะคำว่า”การเมือง” มักมาพร้อมกับคำว่า
“ผลประโยชน์” หากไม่ได้ประโยชน์ พลังประชารัฐคงไม่ยอมตีเช็คเปล่าให้เพื่อไทยอย่างแน่นอน ดังนั้นการจะได้ 40 เสียง พลังประชารัฐมาช่วย เพื่อไทยคงต้องจ่ายด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง ส่วนจะแพงกว่าภูมิใจไทย
หรือรวมไทยสร้างชาติ หรือไม่นั้น คงต้องรอลุ้นกันอีกที เพราะตอนนี้ทุกอย่างยังไม่นิ่ง โควตารัฐมนตรีที่ปรากฏออกมา ยังไม่ชัด 100% เพื่อไทยจ่ายให้พรรคไหนแพง พรรคไหนถูก คงต้องรอดูกันอีกที
แต่ที่แน่ๆ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ต้องจ่ายหนัก ต้องรับผิดชอบหนักกว่าคนอื่นๆ แน่นอน เพราะเคยประกาศเอาไว้ หากเพื่อไทยจับมือพลังประชารัฐ ดีลกับ”ลุงป้อม” จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews