ฉันทนายุคลุงตกงาน1.3พันของจริง1.5ล.คน(click ดูวิดีโอ)
เป็นความหดหู่ สะเทือนใจให้กับเศรษฐกิจไทยอยู่ไม่น้อย เมื่อธุรกิจต้องปิดกิจการ เลิกจ้างพนักงานเฉียบพลัน เซ่นโควิด-19 เช้าวันที่ 11 มีนาคม 2564 เป็นอีกหนึ่งวันที่เศรษฐกิจไทยต้องถูกจดจำ เพราะเป็นวันที่หนุ่มสาวโรงงานผลิตชุดชั้นใน ที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี สมุทรปราการ จำนวน 1,388 ชีวิต ต้องเคว้งคว้าง ตกงานกะทันหัน หลังจากบริษัทประกาศปิดกิจการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า “น้ำตา” คือ ความทุกข์ ที่สะท้อนถึงความรู้สึกของ “ลูกจ้าง” หลังถูกลอยแพแน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ “ธุรกิจ” และ “ลูกจ้าง” ณ วันนี้ ย่อมตอกย้ำถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงอาการไม่น่าไว้วางใจ
ในมุมมอง นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกจ้าง 1,383 ชีวิตที่ต้องตกงานนั้น เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง เพราะประเมิณคราวๆ ตัวเลขว่างงานของประเทศไทยแตะ 1.5 ล้านคนเป็นอย่างต่ำ
นายธนิต บอกด้วยว่า สิ่งสำคัญ ณ เวลานี้เพื่อที่จะให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และรักษาลูกจ้างให้มีงานทำ นั่นคือ ภาครัฐจะต้องช่วยเหลือให้ธุรกิจมีสภาพคล่อง โดยเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน เพราะไม่เช่นนั้น การปิดกิจการ ก็จะขยายวงมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้ ยอมรับว่า ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยากมาก ที่สำคัญมาตรการช่วยเหลือจะต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมายไม่ควรทำแบบเหมารวม ซึ่งวิกฤตครั้งนี้ ยอมรับว่าหนักสาหัสกว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง”
ขณะเดียวกัน แนะภาครัฐเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง, เราชนะ, ม33เรารักกัน ให้มีอีกต่อไป เพราะสามารถช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และยังทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจได้อีกด้วย
จากนี้ต่อไปคงต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพราะแม้ว่าประเทศไทยจะเริ่มนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เพื่อขับเคลื่อนให้ทุกอย่างคลี่คลายลง แต่ในสมการธุรกิจที่มีปากท้องเป็นเดิมพัน ยังมีตัวเลขการว่างงานที่สูงอยู่ ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ที่จะต้องแก้สมการ เพื่อให้ประเทศฟันผ่าไปให้ได้ เพราะนี่คือ ความเชื่อมั่นที่จะสะท้อนมายังเรทติ้งของรัฐบาลนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news