ประธาน หอการค้าไทย ยินดี “เศรษฐา” นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชง 3 ข้อเร่งด่วนทำ 100 วันแรก จับตาโฉมครม.ใหม่ มั่นใจ GDP ปีนี้โตเกิน3%
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังรัฐสภามีมติเห็นชอบให้ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่วันนี้การเลือกนายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการสำเร็จจนเป็นที่เรียบร้อย เป็นไปตามความต้องการของหลายฝ่ายที่ต้องการให้ประเทศไทยมีรัฐบาลชุดใหม่เร็วที่สุด เพื่อเข้าสู่โหมดการเดินหน้าเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยหลังจากนี้คงเป็นไปตามกระบวนการทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญที่จะต้องมีการฟอร์ม ครม.ชุดใหม่ ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีบุคคลใดมาประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี โดยภาคเอกชนหวังว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและตำแหน่งต่าง ๆ จะมีการพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นผู้เชี่ยวชาญและเหมาะสมในแต่ละด้านอย่างแท้จริง
สำหรับประเด็นข้อเร่งด่วนที่หอการค้าฯ ต้องการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลใหม่เพื่อให้เร่งดำเนินการทันทีในช่วง 100 วันแรก ของการรับตำแหน่ง ได้แก่
1) การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัญหาที่กระทบต่อการแข่งขันและการส่งออกของไทย รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ
2) เร่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายและถือเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกเรื่องการทำวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนให้รวดเร็ว และการเพิ่มเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น
3) เร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่ออยู่ และจัดทำงบประมาณรายจ่าย 2567 ให้เกิดความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ ๆ จากต่างชาติ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเป็นผลดีต่อตัวเลขการส่งออกในอนาคต
หอการค้าฯ ได้มีการหารือกับคณะกรรมการและสมาชิกถึง 3 ประเด็นข้างต้น เพื่อนำเสนอรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาดำเนินการทันที เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะซึมตัวต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ยังมีความรุนแรงอยู่ หากประเทศไทยมีรัฐบาลในช่วงเวลานี้ก็จะสามารถช่วยดึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและภาคธุรกิจต่าง ๆ กลับมาที่ประเทศไทยได้ ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเองก็มีความน่าเป็นห่วง สะท้อนจากตัวเลขสภาพัฒน์ ที่เปิดเผยออกมา Q2/2566 GDP โตเพียง 1.8 (ต่ำกว่าที่คาดไว้ 3.0) โดยเฉลี่ยครึ่งปีแรก GDP โตเพียง 2.2 ซึ่งปัจจุบันแม้จะมีรัฐบาลรักษาการแต่การขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ ไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างจำกัดซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตหลุดเป้า 3.0 ในปีนี้
ทั้งนี้ หอการค้าฯ มั่นใจว่าหากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะมีการเน้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังและตรงจุด รวมถึงดำเนินการตาม 3 ประเด็นเร่งด่วนตามข้อเสนอของหอการค้าไทย ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วง Q4 ของปีนี้กลับมาเติบโตได้โดดเด่น และทำให้ภาพรวมสามารถเติบโตตามเป้าหมายได้ เกิน 3.0%