พณ.เตรียมถก FTA ไทย-อียูรอบแรกที่บรัสเซลส์ตั้งเป้าปิดดีลใน 2 ปี
รัฐบาลใหม่เปิดทาง พณ.เจรจา FTA ไทย-อียู รอบแรก ที่บรัสเซลส์ ตั้งเป้าปิดดีลภายใน 2 ปี ช่วยดัน GDP ไทยโตได้ 1.28% ต่อปี
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เตรียมนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA กับสหภาพยุโรป หรือ อียู รอบแรก ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2566 นี้ ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งจะประกอบด้วยการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า (TNC) ระดับหัวหน้าคณะผู้แทนที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการเจรจาในภาพรวม และการประชุมกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 คณะ โดยตั้งเป้าหมายจะสรุปผลการเจรจาภายใน 2 ปี
ทั้งนี้ ทางสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา หรือ ไอเอฟดี ได้ประเมินประโยชน์และผลกระทบเบื้องต้นของการจัดทำ FTA ไทย-อียู คาดว่าจะช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัวร้อยละ 1.28 ต่อปี การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.83 ต่อปี และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.81 ต่อปี รวมทั้งจะช่วยสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และการจ้างงานของไทย
ตลอดจนสร้างแต้มต่อทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดอียู รวมทั้งยกระดับมาตรฐานกฎระเบียบในเรื่องที่เกี่ยวข้องให้เป็นสากลมากขึ้น เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิแรงงาน สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน เป็นต้น ซึ่งกรมจะหารือกับผู้มีส่วนได้เสียเป็นระยะ เพื่อให้การเจรจาเป็นไปด้วยความรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ของไทยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเจรจาเนื่องจากยังคงมีการเจรจามาอย่างต่อเนื่องในระดับเจ้าหน้าที่และรัฐบาลใหม่ยังคงให้การสนับสนุน การเจรจาการค้าเหล็กกรอบต่างๆ เพื่อทำให้การค้าและการลงทุนของไทยขยายตัวดีขึ้น
โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 การค้าระหว่างไทยกับอียู มีมูลค่า 24,791.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 12,950.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าจากอียู มูลค่า 11,840.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews