“ก้าวไกล” ชวนประชาชน ร่วมติดตามร่างกฎหมายคำนำหน้าตามสมัครใจ หลังเข้าสู่การรับฟังความคิดเห็น “ครูธัญ” ย้ำ เพื่อไม่เป็นการถูกเลือกปฏิบัติ-เป็นตัวตลกในสังคม ยันรัดกุม หากขอเปลี่ยนครั้งที่สอง ต้องขอศาลฯวินิจฉัย
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และ คุ้มครองผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยนายธัญวัจน์ กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และคุ้มครองผู้มีความหลากหลายทางเพศ ได้เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 แล้ว จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าไปดูรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติและให้ความคิดเห็นได้ที่เว็ปไซต์รัฐสภา
ทั้งนี้ ปัญหาของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น บุคคลข้ามเพศ บุคคลผู้มีความหลากหลายอัตลักษณ์ทางเพศ หรือ บุคคลเพศกำกวม ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามเจตจำนงอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง ตลอดจนกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ที่ปัจจุบันยังเป็นระบบสองเพศ จึงทำให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ถูกกีดกัน ถูกบังคับ ถูกเลือกปฏิบัติ ด้วยสาเหตุจากความไม่เข้าใจ ความเกลียดกลัวที่บ่มเพราะจากการศึกษา วัฒนธรรม สังคม
นายธัญวัจน์ ย้ำว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวคือการรับรองเพศ เพื่อให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศได้เลือกคำนำหน้าตามสมัครใจ และมีบทบาท หน้าที่ สิทธิ ตามเพศที่ตนแสดงเจตจำนง นี่คือสิทธิมนุษยชนที่กำหนดเพศตนเอง เพื่อดำเนินชีวิตตามเพศสภาพ และการแสดงออก”นายธัญวัจน์กล่าว
นายธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีแนวคิดจากประเทศอาร์เจนตินา และ มอลตา ซึ่งเป็นกฎหมายการรับรองเพศที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก และเป็นแนวคิดที่นักวิชาการ นักกฎหมาย และ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผลักดัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้งในขณะร่างกฎหมายดังกล่าวยังได้รับฟังความคิดเห็น
จากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และ อีกหลายหน่วยงานให้เป็นไปตามหลักการสากล ยอร์คยากาต้า ที่กฎหมายนั้นต้องปรับปรุงและต้องคำนึงถึง อัตลักษณ์ทางเพศ เพศสภาพ เพศวิถี และ เพศกำเนิด เพื่อสิทธิ เสรีภาพในการดำเนินชีวิต นี่คือร่างกฎหมายของประชาชน 14 ล้านเสียง ของพรรคก้าวไกล คือ นโยบายโอบรับความหลากหลาย คนต้องเท่ากัน
นี่คือการกลับมุมคิดเรื่องเพศจากเดิม โดยปกติเมื่อเราเกิดขึ้นมารัฐจะบอกว่าเราเป็นชาย หรือเป็นหญิง แต่การแสดงเจตจำนงเพศนั้นคือการให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถใช้สิทธิแจ้งกับรัฐได้ว่าต้องการดำเนินชีวิตในเพศใด เพราะเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศคือเรื่องภายใน คือการรับรู้ว่าตนคือเพศอะไร และต้องการดำรงชีวิตในแบบใด
จึงให้สิทธิในการเลือกใช้คำนำหน้าตามสมัครใจ เพื่อให้เอกสารราชการเป็นไปตามเพศสภาพ และการแสดงออก เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต การยืนยันตัวตนเอกสารการเงินกับธนาคาร การยืนยันตัวตนในการเดินทางต่างประเทศอย่างปลอดภัย การยืนยันตัวตนในการใช้สิทธิ์ต่าง ๆ และการแพทย์ และเพื่อไม่เป็นการถูกเลือกปฏิบัติและเป็นตัวตลกในสังคม
ส่วนการเปลี่ยนการใช้คำนำหน้า จะมีเงื่อนไขอย่างไร นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ประชาชนทุกคน เราให้สิทธิ์ 100% ในการขอเปลี่ยนคำนำหน้าครั้งแรก แต่หากมีการขอเปลี่ยนครั้งที่สอง จะต้องขอศาลเด็กและเยาวชนวินิจฉัย เนื่องจากป้องกันไม่ให้มีการใช้คำนำหน้าไปในทางทุจริต เช่น การเปลี่ยนเพศไปเข้ากองทุนสตรีแล้วเปลี่ยนกลับ การหนีทหาร ผู้ชายเปลี่ยนไปเป็นนางสาวชั่วคราว หรือแม้กระทั่งผู้ต้องหาที่มีคดีความเกี่ยวกับเพศเปลี่ยนคำนำหน้า เพื่อจะได้จำคุกที่เรือนจำหญิง แบบนี้เราก็จะมีมาตรการรองรับ
ทั้งนี้ จะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการเปลี่ยนเพื่อกระทำการทุจริต นายธัญวัจน์ กล่าวว่า เรามั่นใจว่าคนใช้กฎหมายสุจริต แต่หากมีการกระทำผิด เราก็สามารถให้เปลี่ยนกลับและตรวจสอบได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews