มณฑลกานซูจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติเส้นทางสายไหม ฉลองครบรอบ 10 ปี BRI
มณฑลกานซูทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนได้จัดงานมหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติเส้นทางสายไหม (ตุนหวง) ครั้งที่ 6 โดยสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานตลอดสองวันของการจัดงานได้กว่า 1,200 ราย จากกว่า 50 ประเทศ ภูมิภาค และองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งปีนี้ตรงกับวาระครบรอบ 10 ปีของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)
งานมหกรรมปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “การเชื่อมโลก การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรม” ประกอบด้วยการอภิปราย นิทรรศการ และการแสดงทางวัฒนธรรม รวม 13 รายการ หนึ่งในนั้นคือ ‘ตุนหวง ฟอรัม’ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสำรวจแก่นแท้ของวัฒนธรรมเส้นทางสายไหม ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะสร้างแบบอย่างการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและที่ราบสูงสำหรับการศึกษาวัฒนธรรมตุนหวง
ตุนหวงได้รับสมญานามว่า “โอเอซิสแห่งทะเลทรายโกบี” เป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมโบราณ วัฒนธรรมตุนหวงเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในแวดวงวิชาการ และเป็นป้ายกำกับทางวัฒนธรรมที่แพร่หลาย อีกทั้งยังมีฐานแฟนคลับกว้างขวางทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว จากสถิติพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของตุนหวงเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562
ภายในงานมีการแสดงละครเพลงสุดยิ่งใหญ่ เรื่อง “อัปสรโบยบิน” (The Flying Apsaras) โดยคณะนาฏศิลป์ไชน่าโอเรียนทอล คอนเสิร์ตคุณธรรม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (The Belt and Road) โดยสมาคมนักดนตรีจีน และการแสดงทางวัฒนธรรม “พบตุนหวง” (Meet Dunhuang) ซึ่งการแสดงเหล่านี้เป็นการนำวรรณกรรมและศิลปะบนเส้นทางสายไหมมาผสมผสานเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมในอดีต
ผู้เข้าร่วมงานต่างเห็นพ้องว่า ปรัชญา มนุษยธรรม จิตวิญญาณ ค่านิยม และศิลปวัฒนธรรมของตุนหวงเป็นสิ่งที่ควรหวงแหน และควรร่วมกันพัฒนาความหลากหลายของอารยธรรมตามเส้นทางสายไหมอย่างเปิดกว้าง
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน พ.ศ. 2556 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอข้อริเริม BRI หรือที่รู้จักในชื่อ ‘แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม’ (Silk Road Economic Belt) และ ‘เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21’ (the 21st Century Maritime Silk Road) ยุทธศาสตร์การพัฒนาดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทางสายไหมในอดีต โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแพลตฟอร์มใหม่สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระดับโลก ด้วยภูมิหลังดังกล่าว มหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติเส้นทางสายไหม (ตุนหวง) จึงถือกำเนิดขึ้น