“บิ๊กโจ๊ก” On the Cop (click ดูวิดีโอ)
บิ๊กโจ๊ก หรือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ทำไมคนถึงสนใจกันเยอะ เป็นคำถามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอด ผบ.ตร.ถามกลับผู้สื่อข่าวกรณีมีหนังสือลงนามโดยนายกรัฐมนตรีให้ บิ๊กโจ๊ก กลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังถูกโยกไปนั่งตบยุงเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักงานนายกรัฐ นานเกือบ 2 ปี แม้ว่า ผบ.ตร.จะถามแบบนั้นแต่เชื่อว่าในใจลึกๆ แล้วก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ เพราะ บิ๊กโจ๊ก เป็นนายตำรวจที่เป็นที่รู้จักในสังคมอย่างกว้างขวาง เป็นนายตำรวจที่สนิทคนใกล้ชิด บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับบทบาทหน้าที่ค่อนข้างโดดเด่น มีผลงานแถลงข่าวจับกุมคดีสำคัญทั่วราชอาณาจักรรายวัน ดังนั้นจึงไม่ต้องถามว่าทำไมสังคมถึงต้องสนใจ กับข่าวเตรียมคัมแบคในครั้งนี้
คราวนี้มาดูกันว่า หากบิ๊กโจ๊ก หวนกลับรังคราวนี้จะมีเก้าอี้อะไรไว้รองรับ จับสัญญาณไปที่การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร.และคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.ครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นการนัดประชุมหลังจากนายกรัฐมนตรีมีหนังสือลงนามโยกกลับเมื่อวันที่ 5 มีนาคม เดิมมีการจับตากันว่าการประชุมครั้งนี้ จะมีการพิจารณากำหนดตำแหน่ง 8 นายพล คือ ผบช. 4ตำแหน่ง และ ผบก.4 ตำแหน่ง เพื่อรองรับการโยกย้ายนายตำรวจที่มีส่วนพัวพันปล่อยปะละเลยและย่อหย่อนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. เรื่องบ่อนการพนันและการขนต่างด้าวเถื่อนเข้าประเทศในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 หลังครั้งที่แล้ว ก.ตร.ตีตกให้คณะกรรมการกลับไปทบทวนรายละเอียดคุณสมบัติ แต่แล้วในการประชุมกลับไม่มีการพิจารณาในวาระดังกล่าว
แต่กลับมีวาระเดียวคือมีมติเอกฉันท์เปิดตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษขึ้นใหม่ 1 ตำแหน่ง เป็นตำแหน่งเทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร.ทำหน้าที่บริหารด้านยุทธศาสตร์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเป็นต้องทำงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจให้สามารถเดินไปตามยุทธศาสตร์ชาติได้ เป็นการหาแนวทางปรับองค์กร บุคลากร ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ไม่ยืนยันว่าการเปิดตำแหน่งดังกล่าว เพื่อรองรับ บิ๊กโจ๊ก ที่โอนกลับมาเป็นข้าราชการตำรวจ และขออย่าเพิ่งพูดว่าเป็นอย่างนั้น มันเร็วไป แต่เป็นนโยบายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมองว่าจำเป็นต้องมีตำแหน่งนี้
สำหรับ บิ๊กโจ๊ก หากยังจำกันได้บนเส้นทางสีกากีต้องสะดุดลง เมื่อได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทั้งที่ไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุถูกย้ายฟ้าผ่า เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนความผิดใด ๆ กระทั่งวันที่ 9 เม.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่งให้ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิมและให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนจะหายหน้าหายตาไม่ปรากฏเป็นข่าว จนกระทั่งฉากกระสุน สาดใส่รถยนต์หรูของ “บิ๊กโจ๊ก” ได้จุดประเด็นความไม่ชอบมาพากลหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจสอบและพิสูจน์อัตลักษณ์ หรือ ไบโอแมทริกซ์ และโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถตรวจการณ์ไฟฟ้า โดยการถูกโยกย้ายครั้งนั้น บิ๊กโจ๊ก ออกมาแก้เกมด้วยการยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อ้างมีคำสั่งโอนย้ายไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้อง พร้อมให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และกลับมาปรากฏเป็นข่าวอีกครั้ง ขณะได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งหมดทั้งมวลยังต้องจับตาการคัมแบคครั้งนี้ว่าสุดท้าย “บิ๊กโจ๊ก” จะกลับมาหวานเจี๊ยบหรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news