“พิพัฒน์” พัฒนาแรงงานท่องเที่ยวในประเทศ-ยังไม่นำเข้าต่างชาติ
“พิพัฒน์” ขอพัฒนาแรงงานท่องเที่ยวในประเทศ ยังไม่นำเข้าต่างชาติ จ่อลงนาม MOU “อว.-ศธ.” ร่วมมือผลิตคนเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ขณะ สมาคมฯเชื่อมั่นเศรษฐกิจดีขึ้นหลังไทยมี “นายกฯเศรษฐา”
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ นโยบายการยกระดับแรงงานภาคการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ในงานประชุมสมาชิกของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ประจำเดือนกันยายน 2566 เพื่อให้ความรู้แก่สมาชิกของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ได้ทราบข้อมูลและแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ
โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ในภาคบริการของประเทศไทยมีแรงงานเบื้องต้น 40% ที่เข้ามาบางส่วน ก็อาจจะขาดอยู่ที่ประมาณ 25% ในภาคการท่องเที่ยวต้องการเข้ามาชดเชย และที่หายไปกระจายไปในพื้นที่ชุมชน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้น เราต้องมีการพูดคุยกับผู้นำชุมชนเพื่อที่จะพัฒนาและดึงรายได้เข้าสู่ฐานรากเข้าสู่ประเทศ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เราจะต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติต่อไป และสำหรับภารกิจการกระทรวงแรงงาน ทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่าจะต้องยกฐานะให้เป็นกระทรวงเศรษฐกิจ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้กังวลใจเกี่ยวกับเรื่องภาคธุรกิจการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของค่าแรง 400 บาท เพราะเราทะลุจุดนั้นไปแล้ว มองว่า อย่าเพิ่งขอการนำเข้าแรงงานชาวต่างชาติ เพราะต้องการให้มีแรงงานภายในประเทศ ซึ่งเราจะมีการขอความร่วมมือจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อให้ร่วมกันผลิตแรงงานเฉพาะด้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ นั้น ครูก็ควรที่จะให้ความรู้พื้นฐานให้เด็กได้ตัดสินใจก้าวเข้าสู่อาชีพ ซึ่งถือเป็นรอยต่อที่สำคัญ ว่า การศึกษาต่อในสายอาชีพหรือสายสามัญ
พร้อมกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ดูแลกระทรวงแรงงาน กระทรวง อว. กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย ดังนั้น การที่อยู่พรรคการเมืองเดียวกันก็ได้มีการหารือกันและทำการต่อยอดประสานให้เป็นช่วงๆ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ และจะมีการเซ็น MOU ในเร็วๆนี้ หลังรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงได้เข้าไปทำความรู้จักในแต่ละกลุ่มที่กำกับดูแล
อย่างไรก็ตาม นายพิพัฒน์ ยืนยันว่าประเทศไทยยังมีความต้องการแรงงานต่างด้าว เพราะยังบางมีอาชีพที่ขาดแรงงานต่างด้าวไม่ได้ และเชื่อว่า ค่าแรงงานของประเทศไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้เค้าอยากมาทำงานด้วย
โดยสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว เชื่อว่า เมื่อมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว จะทำให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่งจากที่เห็นการทำงานของนายกรัฐมนตรีแล้ว ที่มีความคล่องแคล่ว ว่องไว และในภาพรวมการท่องเที่ยวคาดการณ์ว่าจะมี 25 ล้านคนตามเป้า โดยมาจากมาเลเซีย ลาว และกัมพูชา แต่ปัญหาในส่วนกลางคิดว่ายังไม่พอ เพราะอยากให้เกินเป้า พร้อมหวังว่า ในปีหน้าจะดีขึ้น และคงจะได้ประมาณ 35 ล้านคน
ทั้งนี้ ยังมองว่า วิกฤตเชิงข่าวมีปัญหากับรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของภาพลักษณ์เชิงลบ ทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จึงจะมีการนำเสนอให้มีการตั้งหน่วยงานเข้ามาดูแลในส่วนนี้โดยตรง เพื่อให้ประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะขณะนี้มีเรื่องของข่าวเฟคนิวส์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews