Home
|
เศรษฐกิจ

ออมสินแจงมาตรการช่วยลูกหนี้ก่อนเสียประวัติ

Featured Image
ออมสิน แจงมาตรการช่วยเหลือแก้หนี้แก่ผู้ได้รับผลกระทบโควิด–19 ก่อนเสียประวัติ ทำผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ไม่ต้องเดินทางไปธนาคาร

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ชี้แจงมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 เป็นการปรับแผนการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อประคับประคองสถานะลูกหนี้ไม่ให้กลายเป็น NPLs ซึ่งจะทำให้มีประวัติเครดิตเสีย ไม่สามารถกู้เงินกับสถาบันการเงินได้ในอนาคต โดยธนาคารได้ตรวจสอบและคัดกรองบัญชีลูกหนี้โดยเน้นรายที่เป็นลูกหนี้ในกลุ่มสินเชื่อเคหะ สินเชื่อไทรทอง สินเชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา สินเชื่อสวัสดิการ สินเชื่อธนาคารประชาชน และสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งพบว่ามีลูกหนี้จำนวนหนึ่งเริ่มมีประวัติค้างจ่ายวันแรกเมื่อ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 แต่ค้างไม่เกิน 90 วัน (ยังไม่เป็น NPLs) จึงเร่งช่วยเหลือจัดทำแผนการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้กลุ่มนี้เท่านั้น โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่ตามมาตรการนี้ธนาคารให้พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเต็มจำนวน แต่มีลูกหนี้จำนวนหนึ่งที่ธนาคารให้พักชำระเงินต้นและเลือกจ่ายดอกเบี้ยบางส่วนตามอัตราที่กำหนด ซึ่งธนาคารจัดทำแผนการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายตามความสามารถในการผ่อนชำระ และพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมกับลูกหนี้รายนั้น ๆ

ทั้งนี้ ลูกหนี้ในกลุ่มนี้จะเริ่มทยอยได้รับข้อมูลแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารจัดทำขึ้นในแอปพลิเคชัน MyMo ของลูกหนี้แต่ละรายที่เข้าเกณฑ์ตามมาตรการ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกหนี้เลือกเข้ามาตรการได้ด้วยตนเองผ่านแอป MyMo โดยเมื่อเข้าแอปแล้วให้เลือกเมนูการชำระหนี้สำหรับปี 2564 ระบบจะแสดงการชำระหนี้ตามสัญญาเงินกู้เดิมและรายละเอียดแผนการชำระหนี้ตามมาตรการนี้ ลูกหนี้สามารถดำเนินการตามขั้นตอนจนเสร็จกระบวนการ โดยไม่ต้องเดินทางไปติดต่อธนาคาร แต่หากดำเนินการเองไม่สำเร็จหรือไม่สะดวกใช้สมาร์ทโฟน สามารถติดต่อที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้ – 30 มิถุนายน 2564 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Contact Center โทร. 1115

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube