@ไม่แต่สถานการณ์สงครามอิสราเอลซึ่งกระทบแรงงานไทยจังเบอร์และกระทบกับโลกในมิติการเมืองความขัดแย้งของมหาอำนาจที่โยงจากร่องรอยความขัดแย้งศาสนและผลประโยชน์กลุ่มทุน
ที่ดูจะกลบประเด็นทุกกระแสที่ร้อนแรงกับ “รัฐบาลเศรษฐา”ก่อนหน้า ไม่ว่า จะเรื่องที่ถูกท้วงติงอันสุ่มเสี่ยงต่อข้อกฎหมาย หรือ ต่อผลกระทบในแต่ละมิติที่เริ่มสะสมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ล้อไปกับ “ผลงาน”ของ “นายกนิด”ที่โชว์ฟิตขยันทำงานเดินสายทั้งในและต่างประเทศแบบNonStopไม่มีวันหยุด -ไม่ว่าจะเป็นปมค้างคาเป็น “สัญญาใจเดิม”กับประชาชน ครั้งร่วมในพรรคฝ่ายประชาธิปไตยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ประวิงไป3 ปีก่อนครบวาระรัฐบาล แม้จะแอ๊คชั่นให้เห็นว่ามีการตั้งคณะทำงานศึกษาการทำประชามติ
@ไม่นับรวมกฎหมายนิรโทษกรรม ที่พรรคก้าวไกลเพิ่งเทคแอ๊คชั่นเสนอ ที่อานิสงส์จะส่งถึงทุกฝ่ายที่เคยเป็น คู่ความขัดแย้งรวมถึงผู้คนที่เคยเป็น “กองหนุน”ให้เพื่อไทย ที่หนนี้กลับกลายรัฐบาลเพื่อไทยดูจะแหยงระวังเพราะเหตุมีความหมิ่นเหม่ไปถึงประเด็นใน ม.112 หรือแม้กระทั่งประเด็นในระดับ “ปรับแก้โครงสร้าง”ที่สะท้อนผ่านการแก้ปัญหา “ความขัดแย้ง”ในวงการตำรวจก่อนการตั้งผบ.ตร.คนที่ 14 ชื่อ “บิ๊กต่อ” ที่ประทุผ่านภาพ 2 คดี ก่อน“ศึกรุมกินโจ๊ก”
@ที่ดูท่วงทำนองแล้วเหมือน รัฐบาลเศรษฐา จะ “เอาอยู่”กุมสภาพจังหวะได้ โดยอาจต่างจากประเด็น “คนชั้น14”“นช.ทักษิณ”ที่ เหมือนจะแคล้วคลาดจาก “การตรวจสอบจับผิด”ติดตามของ บรรดา“โจกษ์เก่า”อย่าง กลุ่ม คปท.ที่ไปทวงถามมาตลอดจะครบ2เดือนวันที่ 22ต.ค.ล้อภาพกับการทำงานของ “นายกฯนิด” แต่ประเด็นนี้ก็ยังไม่ปรากฎบน “หน้าปัดข่าว”เท่ากับ “เหตุรายวัน”หน้างาน
แต่ละเงื่อนปมที่มากลบประเด็นนี้ แม้จะมีการไปยื่นร้องหลายฝ่ายหลายองค์กรไว้ ไม่นับรวมการถูก “ดักคอ”จาก “ตู่-จตุพร”เรื่องที่ ครม.ช่วง “ภูมิธรรม”รักษาการนายกฯนั่งหัวโต๊ะอังคารที่ผ่านมา(10ต.ค.)จะมีเรื่อง พระราชกฤษฎีลดโทษที่จะส่งผลอานิสงส์ต่อ “ทักษิณ”เข้า แต่ที่สุดก็ไม่มีเรื่องนี้ที่ก็ยิ่งส่งผลให้บรรดา “โจษก์เก่า”เริ่มระดับความเข้มข้นในการสแกนตรวจสอบ กระบวนท่าย่นย่อเวลาการรับโทษของ “ทักษิณ”ที่ยังไม่นับรวมกับอาการ “ปลิ้น”ไม่พอใจมาจาก “สารวัตรเหลิม”ถึงคำ “กวนโอ๊ย”ที่ส่งผลให้ทุกฝ่ายจับตาไปที่ “ชั้นที่14”โรงพยาบาลตำรวจ
@โดยประเด็น “ทักษิณ”ถูกมองว่า มีความเหมือนกับประเด็นแรงกระเพื่อมจาก “สัญญานเตือน”ที่ดังแรงขึ้นเรื่อยๆกรณี “นโยบายแจกเงินหมื่นดิจิทัล”ที่ทั้ง “เศรษฐา-อุ๊งอิ๊งค์”ยืนยันแทบทุกวันว่าจะเดินหน้าต่อ เช่นเดียวกับผู้คนในพรรคเพื่อไทย และ เหล่าบรรดาผู้สนับสนุน ที่ระยะหลังมีการจัด“ม็อบถือสาก”ออกมาตอบโต้“นักวิชาการเศรษฐศาสตร์”ที่ออกมาส่งสัญญานเตือนรัฐบาล โดยลักษณะท่วงทำนองของรัฐบาลคล้ายจะประเมินว่ากระแสค้านมาจาก “ฝ่ายตรงข้าม”หรือมาจากกลุ่มกลางบน ที่มีจำนวนน้อยกว่า กลุ่มล่าง ประชาชนที่ยากจนที่มีจำนวนมากกว่าที่ต้องการโครงการนี้อย่างที่ “เศรษฐา”ว่า
@โดยประเด็น “เงินดิจิทัล”ล่าสุด มีสัญญานมาจาก ปปช. ที่วันนี้(12ต.ค.)มีข่าว ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติให้สำนักงานป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการนี้ โดยเชิญ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินด้านเศรษฐศาสตร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาร่วมเป็นกรรมการ เพื่อศึกษารายละเอียดโครงการ ว่ามีข้อน่าห่วงใย
หรือความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตหรือผลกระทบด้านเศรษฐกิจในระยะยาวหรือไม่ซึ่งเลขาปปช.“นิวัติไชย” บอกว่า ถ้าพบมีข้อห่วงใยจะเสนอความเห็นไปยัง ครม. เพื่อให้ปรับปรุง เหมือน“โครงการจำนำข้าว”ที่ป.ป.ช.เคยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะ หรือข้อท้วงติงแจ้งไปยัง ครม.แล้วหาก ครม.ไม่ปฏิบัติตามแล้วเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง เมื่อเกิดปัญหาต้องรับผิดชอบ
@ที่ก็สอดรับกับที่ “อ.สมชัย”โพสFBวันนี้ในฐานะอดีตกรรมาธิการงบประมาณ ว่า ทำไมการแจกเงินดิจิทัลจึงมีประเด็นเสี่ยง ให้ ปปช.สอย เตือนกัน ไม่ใช่ต้องการขวางการแจกเงิน แต่ต้องแจกโดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการแจกไว 1ก.พ.67 ทั้งที่ พรบ.งบ67ยังไม่ผ่านสถา การบอกจะยืนเงินจากรัฐวิสาหกิจมาใช้ก่อนแล้วค่อยเอางบประมาณรัฐคืนภายหลัง หรือเรื่องที่ปปช.จะดูถึงความโปร่งใสและผลเสียในอนาคต รวมถึงคววามรั่วไหลที่จะเกิดขึ้นผลเสียในอนาคต คือ การมีภาระหนี้สาธารณะ ทำดี ประชาชนชอบ แต่ ผิดกฎหมาย ผิดวินัยการเงินการคลังมีช่องว่างให้ทุจริตทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ใหญ่แค่ไหน ก็ติดคุก อดีตมีให้เห็นมากมาย ห้องชั้น 14 มีไม่มากพอครับ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews