โฉมหน้าคร่าตาคณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง34 คนนั้น พบว่ามีทั้งนักการเมือง อาจารย์มหาวิทยาลัย ตำรวจ นักศึกษาฯลฯ โดยหากโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทยมีทั้งหมด9คน แต่ที่ชัดๆมีเพียง7คน ส่วนพรรคก้าวไกลนั้นไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม
โดยคนแรกต่างคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ ที่มีบทบาทสำคัญเรียกได้ว่าเป็นคนเก่าแก่ของพรรคเพื่อไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นสายตรงนายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร” เพราะเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมาเขาปรากฏตัวที่สนามบินดอนเมือง ต้อนรับทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทย อีกทั้งเขายังเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของทักษิณ และอดีต รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กระทั่งปัจจุบันเป็นรักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นคนสำคัญที่ทำให้จัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้สำเร็จด้วย
คนที่2 นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งเขาเคยเป็นหัวหน้าทีมทนายความต่อสู้คดี ให้ครอบครัวชินวัตร ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยถูกรัฐประหาร ปี 2549 โดยเขามีบทบาทในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และอยู่เบื้องหลังในการกลั่นกรองระเบียบกฎหมายให้ ยิ่งลักษณ์ รวมถึงยังทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความสู้คดีจำนำข้าว
คนที่3 นายสิริวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือที่ใครๆรู้จักในชื่อจ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งแม้ว่าจ่านิวจะเคยถูกดำเนินคดีหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยถอยการเมือง ซึ่งจริงๆแล้วจ่านิวไม่ได้เป็นตำรวจแต่อย่างใดเป็น เพียงชื่อที่เพื่อนๆ เรียกกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนรัฐประหารปี 2557 โดยจ่านิว เป็นแกนนำนักศึกษาที่เคยออกมาเคลื่อนไหวด้านการเมืองในระดับชาติหลายครั้ง ต่อมาในปี2565ที่ผ่านมา จ่านิว เดินทางเข้า มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยบอกว่า การที่ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะอยากมีส่วนร่วมกับพรรค ซึ่งมีแนวทางเป็นประชาธิปไตย มีแนวนโยบายที่น่าสนใจโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
คนที่4 นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อดีตแกนนำนปช. มีชื่อเดิมว่าแถลง รองขุน ชาวพัทลุง เขาเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นโฆษกกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คมช. อีกทั้งยังเป็นแนวร่วมกับกลุ่มวิทยุชุมชนคนรักทักษิณของชินวัตร หาบุญผาด ต่อมาเข้าร่วมเป็น1ใน 8 แกนนำกลุ่ม นปก. ที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คมช.อีกด้วย
คนที่5 นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความพรรคเพื่อไทย เคยเป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีอธิบดีกรมการกงสุล กับพวกรวม 2 คน ต่อศาลปกครอง ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งยกเลิกหนังสือ เดินทาง 2 เล่ม เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2558 เป็นพาสปอร์ตสำหรับบุคคลทั่วไปทีทักษิณได้รับในสมัยที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเมื่อถูกยกเลิกแล้วยังสามารถขอเดินทางกลับประเทศได้
คนที่6 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี อีกทั้งเขายังเป็นอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการพัฒนาพรรค พรรคเพื่อไทย ต่อมาเข้าสังกัดพรรค ไทยรักไทย ในตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค และได้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในสมัยรัฐบาลทักษิณ นอกจากนี้เมื่อทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้คดีความที่ถูกฟ้องร้องโดย เขาได้รับหน้าที่เป็นโฆษกประจำตัวให้ กับ ทักษิณ และเป็นประธานกรรมการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ในระยะเริ่มแรก รวมถึงเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย
และคนที่7 นายกฤช เอื้อวงศ์ อดีตรองเลขาธิการ ซึ่งเพื่อไทย ดึงกฤช เข้าร่วมงานพรรคมานานกว่า1ปี ภายหลังเกษียณอายุจาก กกต. พรรคได้ชักชวนให้เข้าร่วมทีมกฎหมาย และปัจจุบันเขาเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีราย ชื่อลำดับที่ 81 ซึ่งไม่ว่าการประชุมใหญ่พรรค ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารพรรค อบรมผู้สมัครทั้ง การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 และการเลือกตั้ง ส.ส.ก็มี กฤช อยู่เบื้องหลังนั่นเอง อย่างไรก็ตามก็คงต้องมาติดตามว่าภายหลังจากได้คณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดนี้แล้วจะทำงานได้สำเร็จได้ตามที่บอกไว้หรือไม่ อีกทั้งการที่ไม่มีคนของก้าวไกลนั้นจะส่งผลอย่างไรต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
