“อสังหาริมทรัพย์” ถือเป็นหนึ่งในขุมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่สำหรับปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย ด้วยเพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดหาย เชื่อมโยงกับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
จากข้อมูลศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า แนวโน้มสัดส่วนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของคนไทยลดลง จากแรงกดดันหลายด้าน ทั้งราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนสูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยจำนวนบ้านในกทม.และปริมณฑลช่วงปี 2557-2565 ขยายตัวเพิ่มเฉลี่ยเพียง 2.6%ต่อปี
และล่าสุดมีการประเมิณจาก “นายอธิป พีชานนท์” รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ภาพรวมการเติบโตของอสังหาฯปีนี้คาดว่าจะติดลบ จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก การส่งออกที่ชะลอตัวลงกระทบกำลังซื้อในประเทศ แม้ว่าสถานการณ์ช่วงไตรมาส 1 และ 2 จะดี
“การส่งออกของประเทศไทย ส่งออกไปที่ประเทศต่างประเทศยอดส่งออกมันลดลงเรื่อยๆ อันนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ดูแล้วกำลังซื้อภายในประเทศน่าจะได้รับผลกระทบแน่นอน จะบอกว่าไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ดูเหมือนอสังหาริมทรัพย์จะถอยหลังลงเริ่มๆมีการ slow down ให้เห็นเพราะฉะนั้นภาพโดยรวมของทั้งปี เราคิดว่าอสังหาริมทรัพย์น่าจะติดลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของที่เราตอนแรกก็นึกว่าจะฟื้นตัว ก็คือคอนโดมิเนียมๆ ก็ยังจะเดินหน้าแบบติดลบอยู่ แล้วก็บ้านจัดสรร ซึ่งเดิมในปีที่แล้วหรือใน 2 ปีที่แล้ว ดูเหมือนจะดีๆขึ้นเรื่อยๆแต่ในปีดูเหมือนว่าในครึ่งปีหลังก็น่าจะมีผลกระทบ ก็อาจจะเป็นตัวนึงที่จะมีผลกระทบในเชิงติดลบด้วยเหมือนกัน”
นายอธิป กล่าวอีกว่า วันนี้อยากให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพราะต้องยอมรับว่าอสังหาฯถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในแต่ละปี ยอดขายอสังหาฯมีมูลค่ามากถึง 2 ล้านล้านบาท อีกทั้งอยากให้นายกรัฐมนตรีหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อผ่อนคลายมาตรการ LTV ด้วยเช่นกัน
“แต่ก็อยากจะฝากทางรัฐบาลเหมือนกันว่า มีหลายเรื่องที่ควรจะกระตุ้น เพราะอสังหาริมทรัพย์เป็นต้นทางของการเดินหน้าของ Value Chain ถ้าอสังหาริมทรัพย์เดินหน้าเราจะดึงองคาพยพของ Upstream Downstream Business เดินหน้าตามไปด้วยคือปีๆนึง เรามียอดขายทั้งหมดโดยรวมประมาณ 400,000 กว่าหน่วยถ้าคิดเป็นมูลค่าก็ 2 ล้านล้านบาท ถ้าทำให้อสังหาริมทรัพย์เดินหน้าไปได้ผมคิดว่าน่าจะเป็นตัวนึงที่จะฉุดเศรษฐกิจเติบโตไปได้ แล้วก็คิดว่าตัวเลขของอสังหาริมทรัพย์ถ้าจะกระตุ้นไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก เรายังต้องการให้รัฐบาลมองเรื่องเดิม ก็คือเรื่องของค่าธรรรมเนียมโอน ค่าธรรมเนียมจดจำนอง ให้ลดลงเหมือนปีนี้ ก็คือ 0.01% ทำแค่นี้ตัวเลขของอสังหาริมทรัพย์ก็จะเติบโตได้พอสมควร”
และเมื่อถามว่า มั่นใจในฝีมือนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” กับการขับเคลื่อนอสังหาฯมากน้อยเพียงใด คำตอบที่ได้ น่าสนใจ
“คือผมคิดว่านายกฯเข้าใจเรื่องอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้วเพราะว่าทำมา 30-40 ปีแล้วนะครับ ผมคิดว่าท่านก็คงจะไม่ต้องพูดมาก ท่านก็จะเข้าใจอยู่แล้ว แต่ก็ขอให้อย่าไปมองว่าอสังหาริมทรัพย์เนี่ย เดี๋ยวจะหาว่าคนจะมานินทาว่าร้าย ว่าทำไมมาช่วย แต่ผมคิดว่ามองเป็นภาพใหญ่ดีกว่าถ้าช่วยอสังหาริมทรัพย์จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น ไม่ว่าตัวเองจะทำธุรกิจอะไรมาก่อน ไม่ว่านายกฯจะมาจากใคร ผมก็คิดว่าจำเป็นที่จะต้อง นายกฯคนที่แล้วก็เป็นทหาร ไม่ได้ดูเรื่องอสังหาริมทรัพย์มาก่อน เขาก็ช่วย เพราะเค้าก็รู้ดีว่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นตัวที่ทำให้เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่สำคัญ”
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯในยุครัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นอดีตผู้บริหารบริษัทอสังหาฯอย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อแน่ว่าจากนี้ไปจะต้องมีทีเด็ดในการขับเคลื่อนอสังหาริมทรัพย์ไทยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews