Home
|
ข่าว

เวทีสภาที่3ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตยังมีปัญหากระตุ้นศก.ไม่ได้จริง

Featured Image

 

 

 

เวทีสภาที่ 3 ชี้ “ดิจิทัลวอลเล็ต”รัฐบาลยังมีปัญหา เชื่อว่ามีถอยบางอย่าง เพราะกระตุ้นศก.ไม่ได้จริง เป็นภาระการคลังในอนาคต

 

 

 

จากการอภิปรายเวทีสภาที่ 3 “แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หายนะหรืออนาคตประเทศ” ในเวทีอภิปราย ดร.ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เวลานี้ตนเป็นประธานกรรมการวิชาการกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้มาเพื่อค้านแต่มาให้กำลังใจ แต่คิดว่าประเด็นในทางวิชาการมีหลายประเด็นที่จะต้องสื่อสารและให้คนที่เกี่ยวข้องมีการพิจารณาให้รอบคอบครบถ้วน นโยบายนี้เป็นนโยบายที่โปรโมทออกมาว่าเป็นนโยบายที่ทำให้เศรษฐกิจไทยที่กำลังจะตายได้กระตุ้นให้เดินคล่องตัวขึ้นมา

 

 

 

 

ลักษณะของการเมืองไทยเวลานี้ ไม่ได้อยู่ในช่วงวิกฤตที่ GDP ติดลบ หากปล่อยให้เป็นประเพณีการแจกโดยไม่ได้แจกในช่วงวิกฤตจริงๆจะเป็นการเริ่มประเพณีการแข่งขันทางการเมืองที่จะนำพาประเทศลงเหวในอนาคต สังคมไทยต้องช่วยกันคิดว่าเดินไปตามนี้อันตรายจะเกิดขึ้นต่อประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน

 

 

 

 

 

ประเด็นของแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จากรัฐวิสาหกิจ ธนาคารออมสินออกมาชัดเจนว่าไม่สามารถออกมาให้กู้ได้ และเป็นไปได้ที่รัฐบาลจัดไปที่รัฐวิสาหกิจอื่น แต่อยากจะชี้ว่าเงื่อนไขวินัยการเงินกันคลังมีล็อคไว้ 2 จุด ว่าหากการทำโครงการเพื่อความนิยมทางการเมืองและอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนไม่สามารถทำได้ และหากนักวิชาการมีการชี้ว่าทำให้เกิดความนิยมทางการเมือง อาจจะผิดมาตรา 9 และอีกประเด็นหนึ่งคือการให้รัฐวิสาหกิจหาเงินและใช้สำหรับโครงการนี้มีขอบวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจที่ต้องระมัดระวัง อาจออกมาในรูปแบบของงบประมาณผูกพัน ถือเป็นการใส่กุญแจมือของรัฐบาลในอนาคต มองว่าไม่เข้าหลักการ เป็นโครงการที่สนับสนุนการลงทุนแต่เป็นโครงการเพื่อสนับสนุนทางการเมือง ถือว่าอันตราย

 

 

 

 

 

ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.คลัง และประธานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้กำลังใจให้รัฐบาลทำให้สำเร็จเพราะมีปัญหาเยอะ แต่ผิดหวังเพราะยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลมัวแต่แก้ตัววนไปกับเรื่องที่หาเสียงไว้ และหากรัฐบาลยังดันทุรังธรรมอย่างที่ประกาศไว้ ความเสี่ยงทางการคลังจะเกิดขึ้น ตั้งแต่รัฐบาลก่อนทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้น แต่ที่เป็นห่วงในเวลานี้ นี่สาธารณะ อาจจะเบาใจได้ว่าอย่างต่ำกว่าประเทศอื่น แต่กำลังในการหารายได้ของรัฐบาลสูงกว่าประเทศไทย ในขณะที่ไทยมีหนี้เป็น 4 เท่าของรายได้ อย่ามองที่ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ เพราะขาดประเทศเข้าไปอยู่ในวิกฤตของวงจรการคลังแล้วจะแก้ปัญหาได้ยาก และประเทศไทยต้องยอมรับว่าการหารายได้จากการเก็บภาษีทำได้ยากมาก สิ่งที่รัฐบาลประกาศจะใช้เงิน 5.6 แสนล้านบาท จะตัดรายจ่ายหารายได้ เชื่อว่ายังทำไม่ได้

 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังมองว่าการจ่ายเงินให้กับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่เด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ก็มีการจ่ายภาษีผ่าน vat เช่นเดียวกัน ถือว่าไม่เป็นธรรม การแจกให้คนยากไร้ไม่คัดค้านแต่การแจกทุกคนเชื่อว่าไม่น่าจะทำได้แต่ควรแจกในกลุ่มที่จะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจ ให้มากขึ้น ณ เวลานี้งบประมาณของไทยตั้งไว้ที่ 3.48 ล้านล้านบาท ยังเป็นการตั้งงบประมาณขาดดุลสูงขึ้น และยังมีนโยบายอื่นที่ต้องใช้เงิน เช่น การลดราคาน้ำมัน ทำให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้น้อยลง การตั้งงบประมาณจากดิจิทัลวอลเลต จะทำให้ เกิดการขาดดุลเกิน 1 ล้านล้านบาท เป็น 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี

 

 

 

 

 

 

และสำหรับเงิน 5.6 แสนล้านบาทจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือ เชื่อว่าทำไม่ได้จริง เพราะสมัยรัฐบาลก่อนใช้เงิน มากกว่า 3 เท่ายังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ มองว่า จำนวนดังกล่าว เชื่อว่าไม่สามารถทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาได้ อาจจะมีการใช้จ่ายบ้างแต่กระตุ้นขึ้นมาคงไม่เห็นชัดขนาดนั้น การจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% ก็อยากเห็น แต่ต้องใช้เงินให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ เวลานี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องงบประมาณปี 67 ที่ล่าช้าไป 6-7 เดือน ต้องรีบนำงบประมาณชั่วคราวหรือฉุกเฉินหรือเพิ่มเติมก็แล้วแต่ นำออกมาใช้ให้เร็ว เพราะทุกวันนี้สถานการณ์การค้าลำบากมาก ต้องมุ่งไปสู่ที่การเบิกจ่ายภาครัฐ เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นได้ดีที่สุด

 

 

 

 

 

 

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า เป็นเรือธงที่รัฐบาลต้องทำให้ได้เพราะเป็นเรื่องที่หาเสียงไว้แล้ว แต่มีผู้ท้วงติงว่าอาจจะมีปัญหาแต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจน ทั้งแหล่งที่มาของเงินรวมถึงวิธีการใช้เงินและเงื่อนไขการใช้จ่ายทั้งหมด โดย 2 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้เห็นว่ายังมีปัญหา เพราะมีความผิดพลาดในการบริหาร 4 อย่าง เรื่องแรกคือการสั่งให้จัดทำงบประมาณปี 67 ขึ้นมาใหม่ และคิดว่าจะสามารถเหลือเงินเพื่อใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ปฏิทินงบประมาณถูกเลื่อนออกไป และกว่าสภาจะมีการพิจารณาเสร็จ จากที่จะใช้ได้มกราคมเลื่อนไปเป็นเมษายน เรื่องที่ 2 รัฐบาลเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป เชื่อว่าตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ทุกคนต้องเชื่อฟัง

 

 

 

 

 

แต่เมื่อส่วนราชการไม่ปฏิบัติตาม และมีการท้วงติงถึงการใช้งบประมาณ ข้าราชการระมัดระวังตัวมากขึ้น เรื่องที่ 3 ไม่ศึกษากฎหมายให้รอบคอบ ทั้งพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ข้อจำกัดต่างๆ พ.ร.บ. รัฐวิสาหกิจ พ.ร.บ.เงินกู้ไม่สามารถออกได้เพราะไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน ความผิดพลาด ประการที่ 4 คือความไม่รู้แต่ไปพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เช่นเงินจำนวน 5.6 แสนล้านบาท จะต้องจ่ายทันที จ่ายทุกคน ซึ่งไม่สามารถเป็นไปได้จริงเวลานี้จึงต้องมีการถอยในหลายๆเรื่อง วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ดูจากท่าทางที่ออกมาเข้าใจว่า ทางออกของรัฐบาลคือเปลี่ยนแปลงหลายเรื่องคือ ขยับวันแจก ไม่ใช่ 1 กุมภาพันธ์แต่จะเป็นต้นพฤษภาคม เพราะ พ.ร.บ. งบประมาณ เปลี่ยนจากการจ่ายครั้งเดียวเป็นการทยอยจ่าย และใช้งบประมาณผูกพัน และจะทำให้เศรษฐกิจไม่เกิดการหมุนเวียนอย่างแน่นอน เชื่อว่าการทำครั้งนี้จะเป็นการทำเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้น เพราะหากไม่ทำจะขาดความน่าเชื่อถือการเลือกตั้งจะไม่สามารถชนะได้อีก

 

 

 

 

 

 

ดร.มานะ มหาสุวีระชัย อดีตประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีมาก คิดใหญ่จริงแต่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่เพราะตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาไม่สามารถชี้แจงในรายละเอียดและทำให้เกิดความสับสนมาก มองว่าอาจมีการตัดทิ้งบางส่วนโดยเฉพาะการนำบล็อกเชนเข้ามาใช้กับ Digital wallet หากกลับมาใช้ e-wallet จะทำให้ประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่ เพราะระบบการเงินแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าระบบปัจจุบัน จะถูกทำแท้งทันที การที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศอะไรออกมาขอให้คิดอย่างรอบคอบและให้ยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก อย่าเอาเรื่องของเงื่อนเวลามาวัดกัน แต่ต้องทำให้ถูกต้อง หากวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ มีการตัดสินใจอะไรผิดประเทศชาติจะเสียหาย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube