ยืนยันชัดเจนแล้ว!! รัฐบาลแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท สำหรับผู้มีรายได้ไม่ถึง 70,000 บาท เงินเก็บไม่ถึง 5 แสน ครอบคลุม 50 ล้านคน อายุตั้งแต่16 ปีขึ้นไป คาดเริ่มใช้ได้ พ.ค. 67
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงความคืบหน้าโครงการดิจิทัล วอลเลต 10,000 บาท สำหรับผู้มีสิทธิ์ เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป มีรายได้ไม่ถึง 70,000 บาท และมีเงินเก็บต่ำกว่า 5 แสนบาท มีระยะเวลาใช้งานครั้งแรกภายใน 6 เดือนนับตั้งแต่โครงการเริ่มและขยายพื้นที่ครอบคลุมการใช้เงินได้ภายในอำเภอตามบัตรประชาชน เนื่องจากจากฐานข้อมูลพบว่าครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 70,000 บาทหรือมีเงินสะสมรวมกัน ไม่ถึง 500,000 บาท มีแนวโน้มที่จะเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าอีกกลุ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้เหลือมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ 50 ล้านคนจาก 54.8 ล้านคน และเงินที่ใช้ในโครงการนี้มีเพียง 5 แสนล้านบาท
ส่วนอีก 100,000 ล้านบาท จะใช้ในการผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ๆ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยจะออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการตีความของทฤษฎีกา
ดังนั้น จะมีความโปร่งใสภายใต้การตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่งมั่นใจว่า จะได้รับการอนุมัติ และเป็นไปตามมาตรา 53 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของประเทศ และเพื่อไม่ให้เป็นการถกเถียงกันในสังคม
นายกรัฐมนตรี ยังประกาศว่า จะพัฒนาต่อยอดแอปเป๋าตังที่มีประชาชนลงทะเบียนอยู่แล้ว 40 ล้านคน และมีร้านค้าอยู่ในระบบ 1.8 ล้าน ร้านค้า เนื่องจากเป็นระบบที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว ทำให้ลดระยะเวลาและงบประมาณ รวมถึงความซ้ำซ้อนในการจัดการ จึงจะพัฒนาแอปเป๋าตังให้สามารถพัฒนาต่อยอดใช้ร่วมกับบล็อกเชน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานอยู่ข้างหลัง เพื่อป้องกันการทุจริต และหากมีใครฝ่าฝืนพยายามแก้ไขระบบจะสามารถตรวจสอบได้ทันที
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเลต จะเข้าสู่สภาในช่วงต้นปี 2567 ก่อนจะเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียน ในเดือนพฤษภาคม 2567
โดยผู้ที่เข้าเกณฑ์ในโครงการเงินดิจิทัล Wallet จะต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ ใช้จ่ายในการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภคเท่านั้น ไม่สามารถซื้อบริการ ซื้อสินค้าออนไลน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกัญชา ยาสูบ กระท่อมและผลิตภัณฑ์จากกัญชา บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี และไม่สามารถนำไปชำระหนี้ ค่าเรียน ค่าเทอมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในก๊าซธรรมชาติได้ และไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ ซึ่งรัฐบาลจะกู้เงินต่อเมื่อมีการนำเงินไปใช้และมาแลกตามระบบเท่านั้น
โดยสินค้าที่ร่วมโครงการสามารถซื้อได้ทุกร้านค้าทุกประเภท รวมถึงร้านที่มี แอปเป๋าตัง แต่จะต้องมีการลงทะเบียนรับสิทธิ์ แต่ร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยืนยันว่า โครงการจ่ายเงินดิจิทัลฯ ไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์ผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจ ฐานสิทธิการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนร่วมกับรัฐบาลพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศในขณะที่ยังรักษาวินัยการเงินการคลังของชาติได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
