Home
|
ข่าว

“พิธา” พอใจกระบวนการไต่สวนคดีหุ้นสื่อ-นัดตัดสิน 24 ม.ค.

Featured Image
“พิธา” พอใจกระบวนการไต่สวนคดีหุ้นสื่อ เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ ศาลนัดิ่านคำวินิจฉับ 24 มค. 67

 

 

 

 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังการเข้ารับการไต่สวน ต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนพยานบุคคล กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น

 

 

 

ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. นับแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งศาลได้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

 

 

 

นายพิธา ระบุ ว่า บรรยากาศระหว่างการไต่สวน เป็นไปตามที่คาดหวังพอใจกับกระบวนการ และได้ไต่สวนตามข้อเท็จจริงที่ตั้งใจไว้ทุกประการรู้สึกพอใจ ส่วนรายละเอียดในการชี้แจงที่สามารถเปิดเผยได้ ตนคงให้สัมภาษณ์ไม่ได้เพราะเป็นการละเมิดศาล แต่ในส่วนข้อเท็จจริงที่สื่อมวลชนได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับการยุติจากประกอบกิจการไอทีวี หรือสถานะผู้จัดการมรดกของตนเองก็ได้รับการไต่สวนจากศาลและฝ่ายกฎหมายของผู้ร้องและผู้ถูกฟ้องครบถ้วนแต่รายละเอียดตนไม่สามารถเปิดเผยได้

 

 

การไต่สวนครั้งนี้มีพยาน 3 ปาก คือ นายแสวงบุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาฯ กกต. ในฐานะพยานผู้ร้อง นอกจากนั้น นายคิมห์ สิริทวีชัย ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี และตนเอง นายพิธา กล่าวว่า จากการฟังน้ำหนักพยานและหลักฐานจากตนเองและผู้ร้องแล้ว ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะจะเป็นการชี้นำและละเมิดศาลได้ แต่สิ่งที่จะให้สัมภาษณ์ได้คือพอใจและเป็นไปตามที่หวังไว้ทุกประการซึ่งสามารถบอกได้แค่นี้ ส่วนรายละเอียดขอให้รอการสรุปอย่างเป็นทางการจากทาง สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้ไม่มีการนัดไต่สวนโดยจะมีการนัดตัดสินหรือการอ่านคำวินิจฉัยเลย

 

 

 

ส่วนความคาดหวังต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตนไม่ได้คาดหวังอะไร แต่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมและความยุติธรรม ในกรณีนี้หากคำพิพากษาเป็นคุณ ก็หวังว่าจะกลับไปทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทันที เมื่อถามว่าประเด็นที่ศาลได้ไต่สวนได้ถามครบถ้วนหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่าเป็นในเรื่องของรายละเอียด แต่ตนรู้สึกพอใจกับกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้

 

 

 

เมื่อสื่อมวลชนถามนายพิธา ย้อนกลับว่า ก่อนการลงรับสมัครเลือกตั้ง สส.ได้ถือหุ้นไอทีวีไว้หรือไม่นายพิธาระบุว่า เป็นการถือแทนในฐานะผู้จัดการมรดก แต่ในส่วนรายละเอียดอยู่ในชั้นศาลตนไม่อยากที่จะละเมิดศาล แต่ก็ยืนยันว่าเป็นการถือ แทนน้องชาย ซึ่งได้สละเจตนาตั้งแต่ก่อนอยู่พรรคอนาคตใหม่ และมีการปันทรัพย์มรดกกัน ตนจะตอบมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ข้อนี้ก็เป็นหนึ่งในข้อที่มีการพูดคุยกัน ถ้าตอบไปจะเป็นการชี้นำสังคมและเป็นการละเมิดศาล

 

 

 

กรณี ไอทีวี ได้ยุติการออกอากาศแล้วสามารถกลับมาทำสื่อได้อีกอีกครั้งหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่าถ้าตามเอกสารก็ต้องดูที่นายคิมห์ สิริทวีชัย ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี ที่เคยได้มีการพูดคุยกันที่ประชุมผู้ถือหุ้น

 

 

 

 

“เรื่องนี้ขอให้ถามนายคิมห์ น่าจะเหมาะสมมากกว่า ส่วนตัวจะไปพูดแทนไม่ได้ แต่ถ้าได้ดูตามเอกสารที่ออกมาก็จะเห็นว่าไอทีวีได้ยุติการประกอบกิจการไปตั้งแต่ปี 50 ทรัพยากรอีกครึ่งหนึ่งก็ไปอยู่ไทยพีบีเอส แล้วตอนนี้ใบอนุญาตก็ไม่มี เพราะฉะนั้นการจะกลับมาประกอบกิจการเดิมก็ต้องมีทั้งคดีความที่เกี่ยวโยงกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. ที่ศาลปกครองสูงสุด รวมถึงคลื่นความถี่ที่ไม่มีแล้ว ใบอนุญาตประกอบกิจการ ที่สอบถามไปยัง กสทช. ก็ไม่มี ” นายพิธา กล่าว

 

 

 

 

สำหรับคำพิพากษาผู้จัดการมรดกต้องมาจากศาลแพ่งส่วนที่เหลือเป็นการปันทรัพย์ ที่มีการส่งข้อมูลทางดิจิทัลที่สามารถเห็นได้ ว่าฝ่ายนั้นถูกสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ และเรื่องของแสตมป์อากรก็ได้ชี้แจงไปแล้วครบทุกอย่าง ทั้งนี้ได้รับการรายงานว่าศาลรัฐธรรมนูญจะนัดเข้ารับฟังคำวินิจฉัยในวันพุธ ที่ 24 มกราคม 2567 เวลา 14.00น.

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube