เรื่องความเป็นไปเป็นอยู่ของ “คนชั้น14”อย่าง “”กลับมาพีคแรงอีกครั้งในวันนี้ (22ธ.ค.) ที่ครบกำหนดการรับโทษ โดยนอนรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มาแล้ว 120 วัน หลังจากที่เดินทางกลับประเทศไทย 22 ส.ค.
อันเป็นวันเดียวกัน กับ ภาพเชื่อมต่อเดียวกัน ที่ “รัฐสภา” มีการโหวต “นายกคนที่30” ชื่อ “เศรษฐา” ของ “พรรคเพื่อไทย” ที่พลิกขั้วเปลี่ยนข้างมาจาก “ฝ่ายประชาธิปไตย” ที่นำการตั้งรัฐบาล โดย “พรรคก้าวไกล” หันมาร่วมตั้งรัฐบาลกับ “พรรค2ลุง”และ “พรรคร่วมรัฐบาลเก่า”ยุค “ลุงตู่”
โดยการกลับมาพีค บนหน้าปัดข่าวของ “ทักษิณ”งวดนี้ 2 ประเด็น ที่ถูกหลายฝ่ายจับตา ตรวจสอบ ติติงเพื่อฉายสะท้อนถึงผลกระทบต่อ “กระบวนการยุติธรรม” คือ 1.เหตุผลการไม่เคยจำคุก แต่ มานอนรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจด้วยเหตุผล อาการป่วย มาเป็นเวลานาน 120 วันตั้งแต่วันที่ 22ส.ค.-22ธ.ค. และ 2.ประเด็น ระเบียบกรมราชทัณฑ์“ขังนอกเรือนจำ”ที่ออกมาวันที่ 6 ธ.ค.66
โดย เว้นวรรคจาก “กฎกระทรวงยุติธรรม”ในปี63 และ “พรบ.ราชทัณฑ์”ในปี 60 โดยทั้ง2 ประเด็น ถูกตั้งข้อสงสัย ทั้งใน “กระบวนการปฏิบัติปกติหรือไม่ปกติ” ของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในกระบวนการดำเนินการลงโทษจำคุก “นช.ทักษิณ”ตามที่ศาลตัดสิน ที่ถูก “ฝ่ายตรงข้าม”รวมถึงกลุ่มเคลื่อนไหวอย่าง“กลุ่มคปท.”ตั้งสมญา “นักโทษเทวดา” และทั้งถูกตั้งข้อสังเกตการออกระเบียบในจังหวะนี้เพื่อ “ตอบโจทย์ปัญหา” “นักโทษล้นคุก”ตามเจตนารมณ์กฎหมาย หรือเพื่อเอื้อประโยชน์กับ “บุคคล”หรือ “กลุ่มบุคคล”ที่เกี่ยวข้อง
ที่ 2 ประเด็นที่กำลังถูกสังคมเริ่มจับตาตรวจสอบ ยิ่งกลายเป็น “ภาพคลุมเครือ”ค้างคา เมื่อปรากฏว่า “ทุกฝ่าย”ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในกลไกอำนาจรัฐ ภายใต้ “รัฐบาลเศรษฐา”เพื่อไทย และ กลไกตรวจสอบทางการเมืองฝ่ายนิติบัญญัติอย่าง “ฝ่ายค้าน”ภายใต้การนำของ “พรรคก้าวไกล” มีการเทคแอ๊คชั่นกับกรณีน้อยมากมีเพียง กรรมาธิการตำรวจของ“ชัยชนะ” จาก“พรรคประชาธิปัตย์” ที่เทคแอ๊คชั่นเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง
จนภาพรวม “ฝ่ายค้าน”ถูกวิจารณ์ว่า “เงียบไปมั้ย”กระทั่ง “ต๋อม-ชัยธวัช”เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เต็มตัว ออกมาขยับ วิจารณ์ว่าประเด็น “ทักษิณ”ทั้ง 2 ปมส่งผลกระทบกับระบบยืนยันฝ่ายค้านจะตรวจสอบเรื่องนี้ และ “ส.ส.ก้าวไกล”มีการตั้งกระทู้ถามนายกฯในสภาที่ “รมต.ยุติธรรม” “พ.ต.อ.ทวี” มาตอบแต่ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ
ต่างจาก “สมศักดิ์ เทพสุทิน”ออกมาอธิบายยาวที่มาของกฎหมายระเบียบราชทัณฑ์เ เมื่อวาน(21ธ.ค.)และวันนี้ที่ขู่กรายๆพวกที่คิดจะเปิดเผยข้อมูลนักโทษ ผู้ป่วย โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจถูกฟ้อง ก่อนจะตามมาด้วยการแอ๊คชั่นจากบรรดา“รัฐมนตรีเพื่อไทย”ทั้ง “สุทิน”, “ภูมิธรรม” ไม่นับรวม “นายกเศรษฐา”ที่ประกาศชัดแยกจากการเมือง ลุยแต่เรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน เช่นเดียวกับทั้งโรงพยาบาลตำรวจและ “ทนายของทักษิณ”ที่ออกมาเตือนทั้งนักข่าวและผู้คนที่จะเข้าไปที่รพ.ตำรวจเพื่อตรวจสอบ ระวังละเมิดผู้ป่วยและถูกฟ้อง
ขณะที่ก็น่าสนใจกับการออกมาคนละทรง ของ สว.อย่าง “สว.วันชัย”วันนี้ ที่ออกมาคนละเรื่องกับ “สว.สมชาย”เมื่อวานที่บอกว่า กมธ.สว.ยังคงติดตามเรื่องนี้และเตรียมที่จะเรียก รมว.ยุติธรรมว่าแจง โดยวันนี้ สว.วันชัยมาในแนวเหมือนจะบอกว่าทุกฝ่ายน่าจะรู้ว่าเรื่องราวที่ออกมาของ “ทักษิณ”ตั้งแต่การกลับมารับโทษ ลดโทษ จนวันนี้ หมายถึงอะไร โดยเห็นว่าระเบียบราชทัณฑ์นี้ เป็นไปตามแนวมาตรฐานสากลทั่วโลกก็ทำกัน เพื่อผู้ต้องขังทุกคน ส่วน “ทักษิณ” หากเข้าเกณฑ์ ก็ทำได้
โดยบอกว่า เรื่อง “ทักษิณ”จบได้ควรจบ เลิกได้ควรเลิก ใครจะได้จะเสียอะไรไปบ้าง แต่บ้านเมืองเดินไปได้ด้วยดีแค่นี้ก็คุ้มแล้วจะอะไรกันนักหนา จะว่าไปก็เคยมีผู้ใหญ่คนร่ำรวยที่ติดคุกแล้วป่วย ออกมาอยู่ที่โรงพยาบาลกันตั้งหลายคน แต่ก็ไม่มีใครเอามาพูดกัน เรื่องนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์และรมว.ยุติธรรม เมื่อออกระเบียบมาแล้วก็ควรจะเดินต่อไปให้สุด เพื่อประโยชน์ของผู้ต้องขังก็รีบทำซะ อย่าชักเข้าชักออก อีหลักอีเหลื่ออยู่อย่างนี้ เมื่อมีหน้าที่รับผิดชอบแล้วก็ต้องทำไปให้เรียบร้อยถ้ากลัวๆ กล้าๆ ก็อย่ามาเป็นดีกว่า เข้าไปอยู่ในเรือนจำเถอะ
กรณีของคุณทักษิณไม่ควรที่จะเป็นประเด็นและเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาของเรือนจำ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องกล้าพูดกล้าชี้แจง ตรงไปตรงมา อย่าหนีปัญหา กล้าเผชิญความจริง เพราะสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทำอยู่ทุกวันนี้มีแต่ทำให้คนในสังคมสงสัย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
